เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 พฤษภาคม นายชัยวัฒน์ วงศ์เบญจรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นครชัยทัวร์ จำกัด ผู้ประกอบการบริษัท นครชัยขนส่ง จำกัดและ บริษัท นครชัย 21 จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานเดินรถโดยสารปรับอากาศจำนวน 130 คัน วิ่งอยู่ 6 เส้นทาง ประกอบด้วย นครราชสีมา-แม่สาย, นครราชสีมา-เชียงใหม่, นครราชสีมา-เชียงราย, นครราชสีมา-นครสวรรค์, นครราชสีมา-มุกดาหาร และนครราชสีมา-กรุงเทพมหานคร เปิดเผยในฐานะคณะกรรมการชมรมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางโคราช ว่า ผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ในช่วง 2 รอบที่ผ่านมา ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาวะขาดทุนพอสมควร ล่าสุดการแพร่ระบาดระลอก 3 ได้รับความเดือดร้อนหนักที่สุด เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นและมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 ราย ทุกวัน ส่งผลให้ประชาชนตื่นตระหนกไม่กล้าเดินทางรวมทั้งมาตรการที่ภาครัฐออกมามีความเข้มงวดเปรียบเสมือนเคอร์ฟิว แต่ใช้คำขอความร่วมมือแทน โควิดระบาดครั้งแรก รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ผู้ประกอบการทุกรายต้องหยุดและพนักงานได้รับเงินชดเชยเยียวยาจากสำนักงานประกันสังคม เป็นเวลา 90 วัน
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งจำนวนผู้โดยสารลดลงอย่างมากและข้อกังวลกรณียังอนุญาตให้ประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดโดยเฉพาะ 6 จังหวัด สีแดงเข้ม ประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร,ชลบุรี,เชียงใหม่,นนทบุรี,ปทุมธานี และสมุทรปราการ ซึ่งอาจเป็นการนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ประตูหน้าด่าน 20 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะทำให้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนหน้านี้ชมรม ฯ ได้ทำหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ทราบถึงสถานการณ์และข้อเสนอแนวทางการลดการแพร่ระบาดขอหยุดการให้บริการรถโดยสารสาธารณะที่มีต้นทางหรือผ่านมาจากจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตาม ศบค.ประกาศ เพื่อลดความเสี่ยง ยังไม่ได้รับการตอบรับเพียงแต่แจ้งจะนำปัญหาและข้อเสนอต่อกรมการขนส่งทางบกและ ศบค.ให้พิจารณาต่อไป
ผลกระทบเชิงธุรกิจของนครชัย 21 เพื่อลดภาระการขาดทุนได้ปรับลดเที่ยววิ่งเฉลี่ยวันละ 13-15 คัน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารมาใช้บริการน้อยมาก ภาระหนักที่สุดคือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าจ้างแรงงาน ซึ่งธุรกิจรถโดยสารประจำทางต้องใช้แรงงานและบุคลากรขับเคลื่อนหลายฝ่าย บริษัท นครชัยทัวร์ จำกัด และ บริษัท นครชัย 21 จำกัด มีจำนวนพนักงานกว่า 400 คน รวม 8 ล้านบาท ที่ต้องจ่ายค่าแรงงานต่อเดือน ตามมาตรฐานเราต้องจ่ายไม่ว่าจะมีการวิ่งรถหรือไม่ หากวิ่งรถแต่ละเที่ยวก็ต้องมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 70 % จึงจะคุ้มทุน ห้วงเวลานี้ต่อเที่ยวมีผู้โดยสารเฉลี่ย 30-40 % บางเที่ยวมี 1-2 คน ทำให้ขาดทุนจากค่าเชื้อเพลิงและส่วนต่างๆ เฉลี่ยวันละ 1 แสน
ทั้งนี้จากความเดือดร้อนแม้ภาครัฐไม่ยินยอมให้หยุดการเดินรถแต่ต้องมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการให้สามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้และควรให้สำนักงานประกันสังคมมาดูแลแรงงานในบางส่วน ส่วนแนวทางการลดต้นทุน ผู้ประกอบการรถร่วมโดยสารปรับอากาศชั้น 1 หมวด 2 สาย 21 กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา ประกอบด้วยนครชัย 21 แอร์โคราชพัฒนาและเชิดชัยทัวร์ ทั้ง 3 บริษัท ได้มีข้อตกลงร่วมแบ่งปันเที่ยววิ่ง ไป-กลับ 30 เที่ยว ทำให้จำนวนเที่ยววิ่งเดิมวันละกว่า 200 เที่ยวเหลือ 30 เที่ยว เพื่อรองรับประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางให้ห้วงเวลานี้ นายชัยวัฒน์ กล่าว

