ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ทางกลุ่มบริษัท คอลเล็คทีฟ ฮอสพิทาลิตี้ (CH) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำ อาทิ สลัมเบอร์ ปาร์ตี้ โฮสเทลส์ (SHG), พาธ (Path) และ โซเชียลเทล (Socialtel) ตัดสินใจเดินหน้าขยายธุรกิจ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดธุรกิจการท่องเที่ยว และความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดย นาย เอ็ดมันส์ โลว์แมน ผู้ก่อตั้ง สลัมเบอร์ ปาร์ตี้ โฮสเทลส์ (SHG) เข้าควบรวมกิจการโบเดก้า โฮสเทล เพื่อทำให้กลุ่มบริษัทในเครือสามารถรองรับนักท่องเที่ยวทั้งหมดรวมกว่า 2,500 ยูนิต ทั้งในประเทศไทย อินโดนิเซีย และกัมพูชา ตอบโจทย์ลูกค้าครบวงจร ทั้งนี้ นาย เอ็ดมันส์ โลว์แมน ผู้ก่อตั้ง สลัมเบอร์ ปาร์ตี้ โฮสเทลส์ (SHG) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คอลเล็คทีฟ ฮอสพิทาลิตี้ (CH) กล่าวถึงการเข้าซื้อกิจการ โบเดก้า โฮสเทล ของ เอสเอชจี ว่า เป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ สู่ธุรกิจโฮสเทลขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอันดับ 4 ของโลก โดย สลัมเบอร์ ปาร์ตี้ โฮสเทลส์ เปิดตัวในปี 2555 เน้นจับกลุ่มลูกค้านักเดินทางในช่วงอายุระหว่าง 18-35 ปี ด้วยการมอบประสบการณ์การเดินทางแบบครบวงจร จบในที่เดียว ตั้งแต่ โฮสเทลและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ลูกค้า รองรับการพักผ่อนด้วยธุรกิจทัวร์ในพื้นที่ และการจัดอีเวนท์ที่มีขึ้นทุกวันในร้านอาหาร และบาร์ของโรงแรม ขณะที่ โบเดก้า โฮสเทลส์ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2556 มีจำนวน 9 สาขา ทั้งในกรุงเทพมหานคร คือ ถนนข้าวสาร และถนนนสุขุมวิท และอีก 2 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เมืองเก่า และท่าแพ นอกจากนั้นยังมีสาขาที่เกาะพะงัน แม่ฮ่องสอน ภูเก็ต อ่าวนาง และในต่างประเทศ อาทิ ที่เมืองเสียมราฐ กัมพูชา เป็นต้น ขยายเชิงรุกไปยังพื้นที่ใหม่ ดังนั้น นาย เอ็ดมันส์ กล่าวว่า นอกจากการเข้าซื้อกิจการของโบเดก้า โฮสเทลส์แล้ว เอสเอชจี ยังขยายธุรกิจเชิงรุก ไปยังพื้นที่ใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจแบรนด์โซเชียลเทล บนเกาะสมุย ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด 130 ห้องนอน ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความครบครันด้วยบริการ บีชคลับ โค-เวิร์กกิ้งสเปซ บาร์เครื่องดื่มลับ และไอวีบาร์ (บาร์ดีท็อกแอลกอฮอล์) และนอกจากนั้นยังตั้งเป้าเพิ่มเครือข่ายในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นไปที่ประเทศศรีลังกา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนิเซีย เพื่อขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งการลงทุนท่ามกลางวิกฤตนี้ เป็นการขยายกิจการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ทั้งการขยายกลุ่มลูกค้า และนำความชำนาญในการบริหารธุรกิจโรงแรมสู่แบรนด์ใหม่ๆ โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี คือการการเพิ่มคุณค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าไปบริหาร โดยจะเป็นการกระจายรายได้ให้กับกลุ่มธุรกิจ พัฒนาแบรนด์ รวมถึงการจัดการบริหารธุรกิจในเครือทั้งหมดจากส่วนกลาง พร้อมกันนี้ นาย เอ็ดมันส์ กล่าวว่า ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับทั่วโลกกำลังรอการกระจายวัคซีนด้วยความหวัง บริษัทฯ เริ่มเห็นกระแสความต้องการท่องเที่ยวเริ่มกลับคืนมาในเอเชีย ถึงจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นพื้นที่ที่จะมีการลงทุนกลับมาในอีก 3-5 ปีเป็นจำนวนมาก