เมื่อวันที่ 6 พ.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 . พ.ค. ครม. ได้เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างภาคผนวก 6 หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการรับส่งและเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารและหนังสือราชการด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ และร่างภาคผนวก 7 หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการรับส่งและเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารและหนังสือราชการโดยไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยสาระสำคัญ คือ เห็นชอบให้ใช้สารบรรณอิเล็กทรอนิกส์เป็นระบบหลักในงานสารบรรณของส่วนราชการ จากเดิมที่กำหนดให้สารบรรณอิเล็กทรอนิกส์เป็นทางเลือก เพียงแต่ยังคงยกเว้นกรณีที่เป็นข้อมูลข่าวสารลับชั้นลับที่สุด ที่เป็นสิ่งที่เป็นความลับของทางราชการชั้นลับที่สุดเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว ความมั่นคงปลอดภัยในการดำเนินงานของภาครัฐ รวมทั้งยังสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งประชาชนจะได้รับความสะดวกในการติดต่อกับส่วนราชการมากยิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้ ร่างระเบียบฯ นี้จะมีการกำหนดให้การติดต่อราชการดำเนินการด้วยระบบสารบรรณอิเล็คทรอนิกส์เป็นหลัก เว้นแต่กรณีที่เป็นเรื่องชั้นลับที่สุด หรือมีเหตุจำเป็นอื่นใด โดยให้กรณีที่ส่งหนังสือทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ส่วนราชการผู้ส่งไม่ต้องจัดส่งหนังสือเป็นเอกสารตามไปอีก นอกจากนี้จะมีแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์” ให้หมายถึงรวมถึงการใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือระบบสื่อสารทางเล็กทรอนิกอื่นในการรับส่งหนังสือราชการ เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น และจะมีการกำหนดให้ส่วนราชการจัดให้มีระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์สำหรับปฏิบัติงานสารบัญ หรืออย่างน้อยต้องมีที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็คทรอนิกส์กลางสำหรับการรับและการส่งหนังสือเล็กทรอนิกของส่วนราชการนั้น นอกจากนี้จะมีกำหนดให้กรณีที่บันทึกจัดทำในระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบสื่อสารอื่นใดที่มีการยืนยันตัวตนจะพิมพ์ชื่อผู้บันทึกแทนการลงลายมือชื่อก็ได้ และกำหนดให้กรณีที่หน่วยงานสารบัญกลางได้ส่งหนังสือด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ให้ถือว่าการเก็บสำเนาหนังสือไว้ในระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์เป็นการเก็บสำเนาไว้ที่หน่วยงานสารบรรณกลางแล้วโดยไม่ต้องเก็บเป็นเอกสารอีก