นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)เปิดเผย สรท.ได้ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโตร้อยละ 6-7 (ณ เดือนพ.ค.64) โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญได้แก่ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มูลค่าและปริมาณการส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการขยายตัวในระดับสูงของสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์และส่วนประกอบ รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ และราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากความเชื่อมั่นต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีผลบังคับใช้ทั่วโลกและการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่รวดเร็วในหลายประเทศ รวมทั้งค่าเงินบาทที่ทรงตัวในกรอบการอ่อนค่า
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญได้แก่ ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลนและอัตราค่าระวางที่ทรงตัวในระดับสูง การระบาดโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายหลายประเทศ เนื่องด้วยมีการกลับมีการระบาดและการกลายพันธุ์ของไวรัสในประเทศคู่ค้าสำคัญหลายประเทศ อาทิ อินเดีย สหภาพยุโรป ที่ยังมีความรุนแรงซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชนรวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สถานการณ์วัตถุดิบขาดแคลน และสถานการณ์ขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวในกลุ่ม Unskilled labor จากผลกระทบของโควิด-19 เป็นอุปสรรคต่อการเข้าออกของแรงงานต่างด้าว
โดย สรท.มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ให้รัฐเร่งแก้ไขปัญหาตู้สินค้าขาดแคลน โดยส่งเสริมสนับสนุนให้มีการนำเข้าตู้เปล่าเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้ สรท.คาดว่าประเทศไทย ต้องนำเข้าตู้เปล่าเข้ามาจำนวนทั้งสิ้น 1,865,248 TEUs ให้เพียงพอรองรับการส่งออกที่จะพลิกฟื้นกลับมา เร่งแก้ไขปัญหาความแออัดในท่าเรือแหลมฉบัง ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือขนถ่ายสินค้าในท่าเทียบเรือให้เพียงพอต่อความต้องการ เร่งจัดหาแรงงานป้อนเข้าสู่ระบบรองรับการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องการแรงงานต่างด้าวไม่ต่ำกว่า 200,000-300,000 คน
ทั้งนี้อาจใช้รูปแบบขยายเวลาให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา พม่า ลาว) ในประเทศมากขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องผ่านระบบออนไลน์ มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้รับบัตรชมพูหรือใบอนุญาตทำงาน เพิ่มรูปแบบการจ้างงานในลักษณะ Part Time Job ระยะเวลาการจ้างต้องไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง และรักษาเสถียรภาพของค่าเงินให้อยู่ระหว่าง 31-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ