ล้างหมู่บ้าน ไล่โควิด 19 ระดมฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วทั้งชุมชนกว่า 400 หลังคาเรือน หลังมีผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยจำนวนมากที่ยังคงนอนพักรักษาอาการอยู่ภายในสถานพยาบาลถึง 7 ราย ท่ามกลางความแออัดของประชากรที่มีอยู่อย่างหนาแน่นมากถึงกว่า 3 พันคนในหมู่บ้านเดียว ขณะชาวบ้านหลายครอบครัวจิตตกโดยเฉพาะคนชราที่ไม่กล้าออกไปไหน โอดบริโภคแต่ปลากระป๋องและไข่ไก่ พร้อมเปิดบ้านรอรับการเข้ามาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อเพื่อลดความกังวลใจลง
วันที่ 4 พ.ค.64 ช่วงระหว่างเวลา 09.30 -12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่หมู่บ้านอัจฉรา พื้นที่ ม.1 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีอาสาสมัครสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิหน่วยกู้ภัยฯ หลายหน่วยงาน ได้เดินทางนำน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด 19 เข้ามาทำการฉีดพ่นภายในบริเวณชุมชน และตามซอกซอยต่างๆ ของหมู่บ้าน เนื่องจากภายในหมู่บ้านแห่งนี้ มีผู้ป่วยด้วยโรคโควิด 19 เสียชีวิตจำนวน 1 ราย คือ น.ส.แสงเงิน ธนรุ่งวิทย์ อายุ 76 ปี ที่ติดเชื้อป่วยกันทั้งครอบครัวรวม 4 คน และยังตรวจไม่พบเชื้อและไม่แสดงอาการอีก 1 คน คือเด็กหญิงวัย 2 ขวบ 4 เดือน ซึ่งเป็นหลานสาวของผู้เสียชีวิต ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน โดย นางอภิญญา เชื้อเงิน อายุ 63 ปี ส.อบต. หมู่ 1 ต.ท่าไข่ กล่าวว่า จากการระบาดของโรคโควิด 19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.64 ที่ผ่านมา ได้ทำให้มีคนในชุมชนติดเชื้อเป็นจำนวนมากถึง 7 ราย และยังมีผู้ที่ถูกนำไปกักตัวอีกเป็นจำนวนมากหลายครอบครัว
จนทำให้ชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัว เกรงว่าจะเกิดการระบาดไปจนทั่วทั้งหมู่บ้าน ในวันนี้ทาง อสม. ต.ท่าไข่ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยฯ ที่มีอุปกรณ์ในการฉีดพ่นยา ได้นำยาฆ่าเชื้อมาฉีดพ่นให้แล้วจนทั่วทั้งหมู่บ้าน เพื่อให้เกิดความสบายใจต่อคนในชุมชน ซึ่งมีจำนวนประชากรในหมู่ที่ 1 ต.ท่าไข่ นี้มากถึง 5 พันคนจาก 600 ครัวเรือน โดยเฉพาะภายในหมู่บ้านอัจฉราแห่งนี้ มีประชากรแออัดมากถึง 3 พันคนจาก 400 ครอบครัว จึงถือเป็นชุมชนที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมาก นางอภิญญา กล่าว
ขณะที่ นางอรุณี นิยมศรี อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/25 ม.1 ต.ท่าไข่ กล่าวว่า ตนรู้สึกจิตตก และชาวบ้านต่างพากันใจเสียกันไปหมด หลังจากที่มีผู้ติดเชื้อโควิด 19 เสียชีวิตในหมู่บ้าน ทำให้ไม่กล้าที่จะออกจากบ้านไปไหน แต่เมื่อเห็นในวันนี้ทางผู้นำชุมชน ส.อบต. และ อสม. รวมถึงหน่วยกู้ภัยฯ ได้เข้ามาทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในหมู่บ้านแล้ว จึงเริ่มทำให้รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
โดยที่ผ่านมา เมื่อเห็นมีคนป่วยติดเชื้อกันมาก แบบหลังต่อหลังนั้น พอเราเห็นเราก็กลัวไม่กล้าจะไปไหนเพราะอายุมากแล้ว ทั้งยังมีโรคประจำตัวอีกด้วย จึงรู้สึกดีใจที่ได้มีการเข้ามาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อกันแล้ว โดยสาเหตุของการแพร่ระบาดของโรคเข้ามาในหมู่บ้านนั้น เกิดจากคนในหมู่บ้านออกไปเที่ยวหรือออกไปทำงานข้างนอก ได้นำพาเชื้อเข้ามาติดต่อยังคนในครอบครัวและลุกลามต่อกันไปทั่วยังอีกหลายคนในชุมชน
โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบเที่ยวในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของการนำพาเชื้อเข้ามาแพร่ระบาดต่อ จึงทำให้ทุกวันนี้คนในครอบครัวของตนที่อยู่ร่วมกัน 4 คน ซึ่งมีทั้งคนแก่ที่มีโรคประจำตัว และเด็กที่ยังเล็กไม่กล้าที่จะออกไปไหน โดยต้องบริโภคกันแต่ไข่ไก่และปลากระป๋องทุกวัน นางอรุณี กล่าว
ด้าน นางสรรญสนีย์ ธงเกียรติเจริญ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/29 ม.1 ต.ท่าไข่ กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวว่ามีคนในหมู่บ้านป่วยเป็นโควิด 19 เสียชีวิต ทำให้รู้สึกตกใจมาก เพราะตนมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับเส้นเลือดหัวใจตีบอยู่ด้วย และในครอบครัวยังมีเด็กเล็ก จึงไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนกันเลย เพียงลำพังหากตัวเราเป็นผู้ติดเชื้อแล้วเสียชีวิต ก็คงไม่รู้สึกน่ากลัวเท่าใดนัก เนื่องจากมีอายุมากแล้ว แต่เกรงว่าเชื้อจะลุกลามไปติดลูกหลาน ที่พวกเขายังต้องทำงานและยังมีอนาคต
สำหรับบ้านหลังที่มีคนเสียชีวิตนั้นก็พอรู้จักคุ้นเคยกัน แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก แต่พอมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นกับคนที่เราเคยรู้จัก จึงยิ่งทำให้รู้สึกหวาดกลัวต่อโรคนี้ ที่เริ่มเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที และทำให้เกิดเป็นความกังวล รู้สึกห่วงใยไปจนถึงลูกหลาน ที่ครอบครัวของตนมีบุตรชาย 3 คนบุตรสะใภ้ 1 คนและหลานอีก 1 คนที่ยังเป็นห่วง โดยหากติดโรคกับตัวเรานั้นไม่ว่า แต่อย่าได้มาติดกับลูกหลานเลย นางสรรญสนีย์ กล่าว