พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พันตำรวจโท สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประสานความร่วมมือ กับตำรวจแผนกสอบสวนคดีอาญา (Criminal Investigation Department - CID) นครดูไบ เข้าช่วยเหลือหญิงไทย และทำการตรวจค้นสถานค้าประเวณีในห้องพักเลขที่ 210 ของอาคาร New Rolla ในนครดูไบ ซึ่งใช้เป็นสถานค้าประเวณีโดยมีเจ้าของร้านเป็นกลุ่มชาวจีน และมีคนคุมร้านเป็นชายชาวเกาหลี โดยสามารถช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกลวงไปบังคับค้าประเวณี ณ สถานที่ดังกล่าว จำนวน 7 ราย
กรณีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการติดต่อจากพลเมืองดีในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่ามีหญิงไทยอายุ 32 ปี ร้องขอความช่วยเหลือว่าถูกนายหน้าชาวไทยชักชวนให้เดินทางไปทำงานนวดที่นครดูไบ โดยเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้า 5,000 บาท
และก่อนเดินทาง นายหน้าได้สั่งให้ลบข้อความสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ เมื่อหญิงไทยรายดังกล่าวเดินทางไปถึงนครดูไบ ได้มีหญิงชาวจีนมารับที่สนามบิน ต่อมาพบว่าเป็นงานค้าประเวณี ถูกบังคับให้ทำงานค้าประเวณี ถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกกักขังในห้องพักเลขที่ 210 ของอาคาร New Rolla ในนครดูไบ ซึ่งใช้เป็นสถานค้าประเวณีโดยมีเจ้าของร้านเป็นกลุ่มชาวจีน และมีคนคุมร้านเป็นชายชาวเกาหลีตลอด 24 ชั่วโมง โดยต้องทำงานใช้หนี้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นจำนวนเงิน 7,000 ดีแรห์ม หรือประมาณ 7 หมื่นบาท หากไม่ทำงานจะถูกทุบตีทำร้ายร่างกาย ต่อมาเจ้าหน้าที่กองคดีการค้ามนุษย์ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่กงสุลใหญ่ในนครดูไบ เพื่อขอให้ช่วยเหลือหญิงไทย
รายดังกล่าว จนนำไปสู่การตรวจค้นและให้ความช่วยเหลือหญิงไทย โดยมีหญิงไทยจำนวน 7 ราย ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากสถานบังคับค้าประเวณีดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งกลับประเทศไทย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะประสานงานกับทางกงสุลใหญ่ นครดูไบ อย่างใกล้ชิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พันตำรวจโท กรวัชร์ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษมีความมุ่งมั่นในการสืบสวน สอบสวน ป้องกันและปราบปรามคดีด้านการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง จึงขอแจ้งเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อบุคคลซึ่งเป็นนายหน้าอ้างว่ามีงานนวดแผนไทยในต่างประเทศ มีรายได้ดี อยู่สุขสบาย ไม่มีการบังคับขายบริการทางเพศ อาทิ ประเทศเกาหลี ประเทศมาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศบาร์เรน หรือหากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่ 128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หรือทางสายด่วน 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ
กรณีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับการติดต่อจากพลเมืองดีในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่ามีหญิงไทยอายุ 32 ปี ร้องขอความช่วยเหลือว่าถูกนายหน้าชาวไทยชักชวนให้เดินทางไปทำงานนวดที่นครดูไบ โดยเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้า 5,000 บาท
และก่อนเดินทาง นายหน้าได้สั่งให้ลบข้อความสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ เมื่อหญิงไทยรายดังกล่าวเดินทางไปถึงนครดูไบ ได้มีหญิงชาวจีนมารับที่สนามบิน ต่อมาพบว่าเป็นงานค้าประเวณี ถูกบังคับให้ทำงานค้าประเวณี ถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกกักขังในห้องพักเลขที่ 210 ของอาคาร New Rolla ในนครดูไบ ซึ่งใช้เป็นสถานค้าประเวณีโดยมีเจ้าของร้านเป็นกลุ่มชาวจีน และมีคนคุมร้านเป็นชายชาวเกาหลีตลอด 24 ชั่วโมง โดยต้องทำงานใช้หนี้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นจำนวนเงิน 7,000 ดีแรห์ม หรือประมาณ 7 หมื่นบาท หากไม่ทำงานจะถูกทุบตีทำร้ายร่างกาย ต่อมาเจ้าหน้าที่กองคดีการค้ามนุษย์ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่กงสุลใหญ่ในนครดูไบ เพื่อขอให้ช่วยเหลือหญิงไทย
รายดังกล่าว จนนำไปสู่การตรวจค้นและให้ความช่วยเหลือหญิงไทย โดยมีหญิงไทยจำนวน 7 ราย ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากสถานบังคับค้าประเวณีดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งกลับประเทศไทย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะประสานงานกับทางกงสุลใหญ่ นครดูไบ อย่างใกล้ชิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พันตำรวจโท กรวัชร์ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษมีความมุ่งมั่นในการสืบสวน สอบสวน ป้องกันและปราบปรามคดีด้านการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง จึงขอแจ้งเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อบุคคลซึ่งเป็นนายหน้าอ้างว่ามีงานนวดแผนไทยในต่างประเทศ มีรายได้ดี อยู่สุขสบาย ไม่มีการบังคับขายบริการทางเพศ อาทิ ประเทศเกาหลี ประเทศมาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศบาร์เรน หรือหากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่ 128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หรือทางสายด่วน 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ