อาจารย์หมอศิริราชระบุ สถานการณ์ไทยบานปลายไปมากแล้ว ทีมบุคลากรแพทย์ต่างแบกงานจนล้น ชี้ทางรอดดีที่สุดคือ ต้องใช้ศักยภาพไอซียู่ที่มีอยู่ให้คุ้ม ทั้งต้องขยายวอร์ดรองรับผู้ป่วยปอดอักเสบที่อาการเริ่มรุนแรง โดยเฉพาะต้องเร่งจัดหาเครื่องไฮโฟลว์ที่้ต้องการใช้มาก
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ เมื่อ 6 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ในการระบาดรอบแรก ตนได้เสนอแผนเตรียมตั้งไอซียูสนามโควิดในกทม.ต่อที่ประชุมซึ่งมี อ.ปิยะสกล เป็นประธาน คงเป็นเพราะออกตัวก่อนว่าภาพประกอบได้จากลูกสาวคนโตที่กำลังจะเข้าเรียนถาปัดร่างแบบให้ จึงได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมและเสนอแผนงานให้รัฐบาลพิจารณา แต่ให้ใช้เป็นแผนสำรองต่อจากการขยายไอซียูโควิดในโรงพยาบาลหลักก่อน เพราะมีความยุ่งยากซับซ้อนเชิงวิศวกรรมและความปลอดภัย เช่น ระบบสำรองก๊าซทางการแพทย์ ระบบหมุนเวียนและถ่ายเทอากาศ ระบบกำจัดของเสียและของติดเชื้อ ฯลฯ นอกจากนั้นแล้ว ปัญหาใหญ่คือจะเอาใครมาทำงาน เพราะต้องการแพทย์และพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญสูงในการรับมือกับผู้ป่วยโควิดวิกฤต ผมในนามสมาคมอุรเวชช์ ฯ ได้เตรียมในด้านบุคลากรนี้ไว้ระดับหนึ่งร่วมกับแพทยสภาและสภาการพยาบาล โชคดีว่าโควิดระลอกหนึ่งสงบเสียก่อน แผนนี้จึงไม่ถูกงัดมาใช้
ช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ผมถูกถามในหลายวงและจากหลายคนว่า จะรื้อฟื้นแผนงานนี้ขึ้นมาใหม่ไหม ผมตอบดังๆ และชัดเจนในทุกเวทีว่า "ไม่" และ "ไม่มีทาง" สถานการณ์โควิดตอนนี้บานปลายไปมาก บุคลากรมีภาระตึงมือกันไปทั่ว ทางรอดเดียวของเราคือใช้ศักยภาพไอซียูโควิด (ระดับ 3 ) ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้คุ้ม คู่ไปกับการขยายศักยภาพ COVID ward (ระดับ 2) ให้รองรับผู้ป่วยปอดอักเสบโควิดที่เริ่มรุนแรง (step up) หรือเริ่มรุนแรงลดลง (step down) เพื่อให้การใช้เตียงไอซียูโควิดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และอาวุธสำคัญหนึ่งคือเครื่องไฮโฟลว์ที่ผมรณรงค์เสนอให้ทุกฝ่ายเร่งจัดหา
ผมไม่สบายใจที่ยังมีผู้ไม่เข้าใจและพยายามผลักดันเรื่องนี้กันอยู่อีก นอกจากไม่ยืนอยู่บนความเป็นจริงเหมือนบุคลากรด่านหน้าอย่างพวกเราที่รับทราบกันอยู่เต็มอก แต่มันยังสร้างแรงกดดันและความหนักใจต่อบุคลากรใต้บังคับบัญชาของฝ่ายบริหาร/นโยบายที่ดึงดันเรื่องนี้
มีคนบอกผมว่าการที่ผมออกไปตระเวนเยี่ยมศิษย์ทั่วไทยช่วงโควิดตั้งแต่ระลอกแรกนั้น นอกจากให้ความรู้และให้กำลังใจแล้ว ยังช่วยเป็นแรงใจให้คนหน้างานเขาส่งเสียงสะท้อนสู่ข้างบนได้อย่างกล้าหาญขึ้น ผมบอกว่าผมเป็นแค่คนนอกที่ปรารถนาดีต่อทุกฝ่าย แม้สิ่งที่ผมทำอาจไม่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ผมจะไม่ยอมหยุดพูดความจริงในทุกๆ ที่ เพื่อให้พวกเขาได้ทำหน้าที่ทางการแพทย์โดยไม่ต้องมีความกังวลใดๆ อยู่เบื้องหลัง
#เซฟบุคลากรทางการแพทย์