สธ.ยะลา หวั่นโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ เล็ดรอดผ่านช่องทางธรรมชาติเข้าไทยจากประเทศเพื่อนบ้าน ระบุร้ายแรงกว่าสายพันธุ์อินเดีย-อังกฤษ วันนี้ ( 4 เมษายน 64) สถานการณ์โควิท 19 ในจังหวัดยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย สะสม 86 ราย รักษาหายสะสม 17 ราย และ เสียชีวิต 2 ราย ส่วนผู้ที่กำลังรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลยะลา จำนวน 30 ราย โรงพยาบาลเบตง 6 ราย โรงพยาบาลกรงปินัง 1 ราย และ โรงพยาบาลสนาม 30 ราย นายสุชาติ อนันตะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ก็คือโควิด สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่ตอนนี้เราพบสายพันธุ์หลักๆ คือ อินเดีย อังกฤษ ที่กลัวตอนนี้คือจะกลายพันธุ์มาเป็นแอฟริกาใต้ สายพันธุ์นี้พบในมาเลเซีย ในตัวเลขมาเลเซียพบว่าผู้ป่วยในมาเลเซียประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ป่วยด้วยสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่ทางวิชาการห่วง คือ สายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความสามารถในการปรับตัวเพื่อที่จะไม่ให้วัคซีนทำไรได้ จะทำให้วัคซีนอาจจะมีประสิทธิภาพน้อยลง ในช่วงแรกได้ประเมินสถานการณ์ว่าจากกรณีการผลัดดันแรงไทยของมาเลเซีย ที่จะให้ออกนอกประเทศตัวเลขประมาณการจากกงสุล เดิมคิดว่าตัวเลขอยู่ที่ประมาณวันละ 500 คน แต่ว่าเอาจริงๆแล้วพอช่วงหลังเองทางมาเลเซีย ได้ผ่อนผันมาตรการ ทำให้แรงงานไทยสามารถอยู่ต่อได้ “สำหรับคนที่เดินทางเข้ากลับจากมาเลเซีย ทุกราย จะเข้ามากักกันในศูนย์สังเกตอาการ ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์นี้ในประเทศก็ยากขึ้น ถ้าพี่น้องกลับเข้ามาช่องทางที่ถูกกฎหมาย แต่สิ่งที่น่าห่วงคือว่า ห่วงในกรณีของพ่อแม่พี่น้องที่กลับเข้ามาแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นผ่านช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน แล้วไม่ได้มากักตัว ถ้าติดเชื้อเข้ามาจะทำให้มีความน่าเป็นห่วงในการระบาดในพื้นที่บ้านเรา คงต้องฝากทางศูนย์ปฏิบัติการระดับอำเภอ ตำบลในการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ถ้าเจอคนกลุ่มนี้ขอความร่วมมือให้เข้ามาสังเกตอาการในศูนย์สังเกตอาการ 14 วันเป็นอย่างน้อย” รองนายแพทย์ สสจ.ยะลา กล่าว