อช.ออบขาน.แจง พะตีตาแยะ ปกาเกอะญอ อ้าง จนท.ใช้กฎหมายปล้นที่ดินชาวบ้าน ส่งเรื่อง อ่าน แปล ตีความภาพถ่าย บริเวณพื้นที่ตรวจสอบบุกรุกนำไปสู่ข้อเท็จจริง วันที่ 3 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา นางสาวนิภาพร ไพศาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติออบขาน จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติออบขาน หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สะเมิง ที่ ชม.11 และหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ชม. 14 (แม่ขาน) ได้ร่วมกันออกตรวจลาดตระเวนป้องกันปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ขาน-ป่าแม่วาง และป่าสงวนแห่งชาติป่าสะเมิง ตามปกติ ในวันดังกล่าวพบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางเป็นบริเวณกว้าง มีต้นไม้ขนาดต่าง ๆ ถูกโค่นล้มลง บางต้นถูกกานให้ยืนต้นตาย บางจุดมีการสุมกองไฟ มีลักษณะของการเปิดพื้นที่ใหม่ และไม่พบว่ามีการปลูกพืชผลทางการเกษตร หรือไม่พบว่ามีสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ในบริเวณดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ขาน-ป่าแม่วาง ท้องที่หมู่ที่ 6 ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ และอยู่ในเขตเตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติออบขาน จากการจำลองพื้นที่ตรวจสอบลงบนแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ปี 2545 และ ปี 2557 ปรากฏว่า ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ว่าเป็นพื้นที่ทำกินหรือที่อยู่อาศัยของราษฎรแต่ประการใด รวมเนื้อที่บุกรุกประมาณ 3-2-47 ไร่ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เดินทางกลับ นายตาแยะ ยอดฉัตรมิ่งบุญ ราษฎรหย่อมบ้านสบลาน ม.6 ได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของแปลงที่ดินดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้พูดคุยทำความเข้าใจด้วยความตระหนักว่ากลุ่มราษฎรดังกล่าวเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ และเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งการเจรจาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราษฎรรายดังกล่าวเข้าใจโดยยินดีคืนพื้นที่และจะไม่กลับไปบุกรุกแผ้วถางอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อุทยานแห่งชาติออบขานได้ประสานให้สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ ดำเนินการ อ่าน แปล ตีความภาพถ่าย บริเวณพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อนำไปสู่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ให้เป็นที่ยอมรับร่วมกัน และเพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย สืบเนื่องเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 พะตีตาแยะ ยอดฉัตรมิ่งบุญ ผู้อาวุโสชาวปกาเกอะญอ แห่งหมู่บ้านสบลาน อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าร้องเรียนต่อนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ที่ปรึกษาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมหรือพีมูฟ พร้อมกล่าวกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบไร่หมุนเวียนของตนพื้นที่ราว 3 ไร่ซึ่งให้ลูกชายไปถางเพื่อปลูกพริก ได้ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้สั่งห้ามทั้งๆ ที่ที่ดินแปลงนี้เป็นไร่หมุนเวียนเก่าทำมาแล้วกว่า 30 กว่าปี และได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วกับป่าสงวนแห่งชาติป่าสะเมิง ตั้งแต่ปี 2548 โดยครั้งนี้ได้ปล่อยให้ต้นไม้และดินฟื้นตัวมาแล้ว 4 ปี พอเข้าปีที่ 5 ได้ให้ลูกชายไปทำไร่แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ยอม ดังนั้นควรหาทางออกร่วมกันโดยชาวบ้านที่ทำไรหมุนเวียนมานาน เจ้าหน้าที่รัฐควรยอมให้ทำไร่ต่อไปเพราะไม่ได้บุกรุกพื้นที่ใหม่เลย เพียงแต่เมื่อปล่อยให้ไร่ฟื้นตัว 4-5 ปีแล้วมีต้นไม้ขึ้นเขียวๆ พอจะกลับไปทำมักมีปัญหาทุกที เพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้าใจระบบไร่หมุนเวียน ดังนั้นควรมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลและพิสูจน์ข้อเท็จจริง