วันที่ 3 พ.ค.64 นายประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันกับตัวแทนนักธุรกิจ ภาคเอกชน ว่าจะเร่งจัดหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 64 และเดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนโดยจ่ายค่าวัคซีนให้ทุกคนที่เป็นคนไทยเพราะเป็นหน้าที่ โดยภาคเอกชนไม่ต้องออกเงินเองนั้นว่า เรื่องนี้รัฐบาล สร้างความสับสน มึนงงกับการบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้ เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนนัดประชุมภาคเอกขน อาทิ ประธานสภาหอการค้าแก่งประเทศไทยและซีอีโอ เอกชน โดยบอกตั้งทีมประเทศไทย ดึงสภาหอการค้า ตัวแทนรพ.เอกชนมาร่วม ออกข่าวว่าจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือก เมื่อถูกสังคมไทยตั้งคำถามในความล่าช้า หรือชะล่าใจ ที่เรามีวัคซีนแค่ 2 ล้านกว่าโดส แต่ก็เข้าตำราเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้าของรัฐบาลเอง เมื่อต่อมาท่านผู้นำออกมาบอกเองว่า รัฐบาลจะเป็นผู้จัดหาวัคซีนเองให้ครบ 109 ล้านโดสและจะเร่งฉีดให้ประชาชนคนไทย70 % ขึ้นไปให้ได้ก่อนสิ้นปี64 นี้ รัฐบาลก่อน โดยมีให้เลือกแค่2-3 ยี่ห้อตามที่เป็นข่าวโดยไม่เปิดโอกาสให้นำเข้าวัคซีนที่ดีกว่า ถูกกว่า และไม่ให้ประชาชนเลือกได้ว่าจะฉีดของยี่ห้อใด
“สังคมไทย จึงตั้งถามว่า ที่ห้ามภาคภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนนั้น นายกฯ กลัวว่า ถ้าให้เอกชนนำเข้ามาวัคซีนทางเลือกที่มีประสิทธิภาพดีกว่า ราคาถูกกว่า ทำได้ดีกว่ารัฐบาล รัฐบาลจะเสียหน้าเสียความนิยม นายกฯจึงเปลี่ยนใจใช่หรือไม่ ชี้ให้เห็นถึงการบริหารแบบรวมศูนย์อำนาจแค่คนไม่กี่คน มากำหนดชีวิตประชาขนคนไทยทั้งประเทศ ถ้าเป็นจริงแสดงว่าเอาชีวิตประชาชนมาเป็นตัวประกันหรืออย่างไร
เมื่อภาคเอกชนมีศักยภาพ อยากจะช่วยรัฐบาล อยากจะช่วยประชาชนให้รอดชีวิต มาทำมาหากินเพื่อรักษาชีวิตและครอบครัวเขา ทำไมรัฐบาลจึงไม่คิดถึงความปลอดภัยในชีวิต หรือมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ ยังไม่รวมการบริหารจัดการฉีดให้ประชาชนที่ไม่มีสิทธิเลือกยี่ห้อของวัคซีน หรือการแพร่ระบาดและควรจัดตามฐานข้อมูลด้านสุขภาพที่มีอยู่ เช่น บัตรทอง ประกันสังคม หรือข้อมูลจาก อสม. ของส่วนท้องถิ่นนั้นๆจัดตามความจำเป็นของผู้ที่ควรได้ก่อน-หลัง ไม่ใช่ให้ประชาชนมาแย่งกันจองผ่านแอพพลิเคชั่น เช่น ที่เป็นอยู่เพราะสิทธิและสวัสดิการ ไม่ใช่การชิงรางวัลใด ๆ
ที่สำคัญ การจองผ่านแอพพลิเคชั่นอาจทำให้มองได้ว่า เป็นการหาความชอบธรรม เป็นการแซงคิว มองข้ามสิทธิของประชาชนผู้ที่ควรได้ก่อน หลัง เมื่อวัคซีนมีจำกัด ก็ต้องการจัดสรรก็เป็นธรรมดา แต่ที่ควรทำเร่งด่วนคือ ต้องเร่งจัดหาวัคชีนมาเพิ่มอย่างจริงจัง ในหลายช่องทาง โดยให้ภาคเอกชนร่วมด้วย ไม่ใช่การแสวงหาความนิยมบนความทุกข์และความตายของประชาชนร่วมชาติ ขอให้นายกฯควรทบทวนการผูกขาดวัคซีนโดยรัฐแต่ฝ่ายเดียว เพื่อสามารถปกป้องชีวิตพลเมืองไทยให้ทันต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ตนเชื่อว่าจะทำได้ดีกว่าปัจจุบัน” นายประมวล กล่าว