เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 เวลา 09.00 น. หลังจากโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ ได้ตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่รอบสาม กับชายไทยอายุ 57 ปี อยู่ที่หมู่ 8 บ้านท่าคลอง ตำบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี ซึ่งเป็นพ่อค้าขายปลาในตลาดสดมหาราชเทศบาลเมืองกระบี่ และเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 80 ไปสัมผัสกับป่วยยืนยันรายที่ 62 ซึ่งเป็นชายไทย อายุ 27 ปี อยู่ที่หมู่ 1 บ้านปากน้ำ ตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เป็นข้าราชการสำนักงานเทศบาลเมืองกระบี่ ที่ไปงานบวชในพื้นที่อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง แล้วไปสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันมาโดยไม่รู้ตัว หลังทราบว่าข้าราชการหน่วยงานดังกล่าวติดเชื้อ สำนักงานเทศบาลเมืองกระบี่ สั่งปิดห้องทำงานกองแผนงานทันที และนำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และพนักงานไปตรวจคัดกรองหาเชื้อพร้อมทั้งกับตัว 14 วัน รวม 21 คน ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 และหลังจากทราบข่าวพ่อค้าขายปลาในตลาดสดมหาราชเทศบาลเมืองกระบี่ และเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มอีก 1 คน จึงสั่งปิดตลาดสดมหาราชเทศบาลเมืองกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 2 – 8 พฤษภาคม 2564 อีกด้วย
ทางด้าน นายกฤษฎา สถิตภาลีกุล ผู้อำนวยการกองสวัสดิการ และปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ พร้อมด้วยนายกอเดช ยะลา สาธารณสุขอำเภอเมืองกระบี่ ได้นำหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคเทศบาลเมืองกระบี่ ร่วมกับหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเมืองกระบี่ และทีมสอบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ เปิดแผนเชิงรุกการเฝ้าระวังป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่อาคารตลาดสดมหาราชชั้น 2 โดยการคัดกรองเอาสารคัดหลังจากโพรงจมูก จากกลุ่มที่ไปสัมผัสและกลุ่มที่มีความเสียงสูงกับพ่อค้าขายปลา มีเป้าหมาย 2,000 คน ได้แก่เหล่าบรรดาพ่อค้า แม่ค้า และประชาชน ที่ไปใช้บริการในตลาดสดดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 – 30 เมษายน 2564 ทั้งได้รณรงค์ให้ผู้ที่มาคัดกรองในครั้งนี้สังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิด หากมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง มีผื่นขึ้น หายใจเร็ว หายใจเหนื่อย อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที โดยเฉพาะผู้ที่ถูกคัดเอาสารคัดหลังจากโพรงจมูกทุกคน จะต้องเข้ารับการกักตัว 14 วันในโรงแรมที่จังหวัดกระบี่จัดให้ จนถึงเวลานี้มีจำนวน 75 คน
ซึ่งการปฏิบัติการเชิงรุกในการคัดกรองเอาสารคัดหลังจากโพรงจมูกของเหล่าบรรดา พ่อค้า แม่ค้า และประชาชน เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ว่า จะไม่มีการแพร่ระบาดไปในวงกว้าง และสามารถควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที