หาที่เผาได้แล้ว ศพเหยื่อโควิด 19 แปดริ้ว หลังหลายวัดยื่นมือตอบรับขอเข้าให้การช่วยเหลือ ก่อนมีพิธีสงฆ์สวดหน้าไฟเพียงแค่ 5 นาที จากนั้นศพได้ถูกเคลื่อนนำเข้าเตาเผาทันที เมื่อเดินทางมาถึงยังด้านหน้าเมรุท่ามกลางผู้เข้าร่วมพิธีเพียง 4 คน ขณะญาติใกล้เคียงที่สุดจาก กทม. เผยความร้ายแรงของโควิด 19 ได้ทำให้คนในครอบครัวจากกันโดยไม่มีโอกาสได้สั่งเสียล่ำลา แม้แต่การจะมาร่วมพิธีปลงศพก็ยังทำไม่ได้ ระบุได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา วันที่ 2 พ.ค.64 เวลา 13.40 น. นางอภิญญา เชื้อเงิน อายุ 63 ปี ส.อบต. ม.1 ต.ท่าไข่ ได้เดินทางไปรับศพ น.ส.แสงเงิน ธนรุ่งวิทย์ อายุ 76 ปี หลังได้รับมอบหมายจาก น.ส.พัชมน ธนรุ่งวิทย์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/61/1 ม.1 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ป่วยด้วยโรคโควิด 19 ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้เสียชีวิตจากโรคเดียวกันนี้ ให้เป็นผู้ดำเนินการแทนจัดพิธีศพให้แก่มารดา หลังจากคนในครอบครัวทั้งหมดป่วยด้วยโรคโควิด 19 กันทั้งครอบครัว จนไม่สามารถที่จะออกมาดำเนินการจัดพิธีฌาปนกิจศพให้ได้ หลังจากได้มีการยื่นเอกสารต่อทางเจ้าหน้าที่ห้องสุคติ รพ.พุทธโสธร แล้ว นางอภิญญา ได้รีบเดินทางไปยังที่วัดอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.4 ต.ท่าไข่ ในทันที เพื่อเตรียมการทางพิธีสงฆ์ โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ที่มีการเตรียมการไว้แบบเฉพาะกิจในการเคลื่อนย้ายศพของผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด 19 ด้วยการสวมชุด PPE ป้องกันเชื้อ นำโลงศพมาทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และบรรจุศพลงสู่หีบตามขั้นตอนของการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้ออย่างแน่นหนาหลายชั้น โดยใช้เวลาในการดำเนินการเป็นเวลากว่า 30 นาที ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายนำศพเดินทางออกไปด้วยรถยนต์กระบะบรรทุกหีบศพ 1 คัน และรถยนต์ตู้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ในการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส 1 คัน จากนั้นในเวลาประมาณ 14.30 น. จึงเดินทางไปถึงยังที่เมรุของวัดอุดมมงคล ก่อนที่จะมีพิธีสงฆ์สวดหน้าไฟด้วยเวลาเพียงประมาณ 5 นาทีเท่านั้น จากนั้นจึงได้มีการเคลื่อนย้ายศพของผู้เสียชีวิตขึ้นสู่เชิงตะกอนบนเตาเผาภายในเมรุในทันที ท่ามกลางผู้ร่วมพิธีเพียง 4 คน ประกอบด้วย นางอภิญญา เชื้อเงิน ส.อบต.ท่าไข่ และนายวิรัตน์ เนียรมงคล ประธาน อสม. ต.ท่าไข่ นอกจากนี้ยังมีนายชวน บูรณวัฒน์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/217 ถ.ราษฎร์พัฒนา 22 แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กทม. ซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กจากทั้งหมด 7 คนของ น.ส.แสงเงิน ที่เดินทางมาพร้อมกับบุตรสาว ได้มาเข้าร่วมพิธีด้วย โดย นายชวน กล่าวว่า ได้ทราบข่าวว่าผู้เป็นพี่สาวคนโตเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 เมื่อช่วงเย็นวานนี้ โดยที่บรรดาหลานๆ ซึ่งเป็นบุตรของพี่สาวนั้นไม่มีใครสามารถที่จะออกมาจัดพิธีศพให้แก่ผู้เป็นมารดาได้เลยแม้แต่คนเดียว เนื่องจากเป็นผู้ติดเชื้อด้วยกันทั้งครอบครัว ส่วนญาติๆ นั้นอยู่ห่างไกลที่ จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี กันทั้งหมด มีเพียงครอบครัวของตนเท่านั้นที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยถือเป็นการจากไปอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันได้ตั้งตัว หรือไม่ได้มีการพูดคุยล่ำลาสี่งเสียกันก่อนเลย อีกทั้งโรคนี้ยังทำให้คนในครอบครัวยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ากัน ก่อนที่จะจากกันอีกด้วย นอกจากนี้คนในครอบครัวเดียวกันยังไม่มีโอกาสที่จะออกมาทำบุญหรือจัดพิธีศพให้แก่กันด้วย ถือเป็นการจากไปแบบอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวมาก จึงอยากขอให้ทุกคนต้องระวัง โดยตนได้มีโอกาสเห็นหน้าและพูดคุยกันกับผู้เป็นพี่สาวคนโต ตั้งแต่เมื่อกว่า 1 ปีที่แล้ว ในขณะที่ได้เดินทางไปเยี่ยมเมื่อครั้งไปนอนพักรักษาตัวจากอาการป่วย ใน รพ.ที่ จ.ชลบุรี และถือเป็นการพบกันเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ซึ่งหลังเสร็จพิธีฌาปนกิจแล้ว ทางวัดได้รับที่จะทำการจัดเก็บอัฐิเอาไว้ให้ โดยที่ญาติๆ จะต้องรอปรึกษากันต่อไปว่า จะจัดพิธีทำบุญให้อีกครั้งเมื่อใด หากสถานการณ์ได้เริ่มดีขึ้นหรือคลี่คลายลงแล้ว นายชวน กล่าว ด้าน นางอภิญญา กล่าวว่า หลังจากที่สื่อได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการหาสถานที่เผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ไม่ได้ออกไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีวัดในพื้นที่ใกล้เคียงโทรศัพท์ประสานผ่านมาทางผู้นำชุมชน ประธาน อสม. และผู้ใหญ่บ้านหลายวัด ทั้งวัดถวิลศิลามงคล วัดประตูน้ำท่าไข่ โดยที่ทางประธาน อสม. ได้เดินทางเข้ามาประสานงานกับทางเจ้าอาวาสวัดอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) เอาไว้แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับจากทางพระครูวิจิตรสรคุณ เจ้าอาวาสวัดแล้วว่า ท่านได้อนุญาตให้นำศพของผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 มาประกอบพิธีทางศาสนาได้ จึงได้นำมาทำการฌาปนกิจยังที่วัดแห่งนี้ นางอภิญญา กล่าว