“ดีเอสไอ” ลุยตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวเฟกนิวส์ช่วงโควิด-19 ป้องกันข้อมูลบิดเบือน หวั่นสร้างความสับสนในสังคม “ธนกร” วอน“ภูมิธรรม-สุดารัตน์”พักการเมือง เตือนตั้งหน้าโจมตีรัฐบาลระวังคนจะเบื่อหน่าย ด้าน“อนุสรณ์” ซัด “บิ๊กตู่” ถนัดใช้ “อำนาจพิเศษ” แก้โควิดล้มเหลว ย้ำ“เสถียรภาพรบ.-ไวรัสโรคระบาด” วิกฤตพร้อมกัน มั่นใจ“นายกฯ” ยอมลงจากเก้าอี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนในการแก้วิกฤติประเทศ “ไอลอว์”รับสู้ด้วยความโกรธเกลียด ยังไงก็ไม่ชนะ ลั่นต้องเอาชีวิตเข้าแลก หวังทวงคืนหลักการ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.64 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีนโยบายให้ดีเอสไอจัดตั้งศูนย์สืบสวนและต่อต้านข่าวสารอันเป็นเท็จในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อให้ ดีเอสไอ มีข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อสนับสนุนภารกิจในการสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ในการพิจารณาดำเนินคดีพิเศษหรือคดีอาญาอื่นที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ฯ และ น.ส.รัศมี สีตลวรางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ 2 เป็นเลขานุการศูนย์ฯ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.64 เป็นต้นไป ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุรัฐบาลไร้คำตอบปมวัคซีนที่ชัดเจน พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลลาออก ว่า ไม่เข้าใจพรรคร่วมฝ่ายค้านจริงๆ โดยเฉพาะนายภูมิธรรม วันๆ ไม่คิดทำอะไร เหมือนคนไม่มีงานทำ ตั้งหน้าตั้งตาให้รัฐบาลลาออกอย่างเดียว ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ยืนยันชัดเจนในการจัดหาวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน ครอบคลุมประชากร 70 เปอร์เซ็นต์ ให้เสร็จภายในปี64นี้ พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตามกลุ่มเป้าหมายแล้ว นอกจากนั้นอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการแก้ไขโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ สั่งแก้ไขหมดแล้ว ตนขอพรรคเพื่อไทยหลายครั้งแล้วว่า ให้พักการเมืองไว้ก่อน แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้รับการตอบรับ ยังคงสลับหน้าออกมาโจมตีรัฐบาลอย่างไม่รู้กาลเทศะ ระวังประชาชนจะเบื่อหน่าย “กรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย ระบุพล.อ.ประยุทธ์รวบอำนาจนั้น ตนอยากบอกคุณหญิงสุดารัตน์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้รวบอำนาจ แต่มีการกระจายอำนาจอย่างชัดเจน และทำงานเป็นทีม ไม่ได้ชอบฉายเดี่ยวแบบคุณหญิงสุดารัตน์ วันนี้ต้องยอมคุณหญิงสุดารัตน์ที่ออกมาเสนอแนะรัฐบาลทุกวัน ผมเชื่อแล้วว่าคุณหญิงคงเก่งที่สุดในโลก หรือเก่งอยู่คนเดียว จึงอยู่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อยากบอกให้คุณหญิงสุดารัตน์ว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์สั่งแก้ไขปัญหาทุกอย่างแล้ว ดังนั้นอยากขอกำลังใจจากคุณหญิงสุดารัตน์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์บ้างจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ทั้งนี้ผมยังเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทย และเชื่อมั่นในตัวพล.อ.ประยุทธ์ว่าจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน” ส่วน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีวิกฤตเสถียรภาพรัฐบาล สืบเนื่อง จากแผลในใจ ที่ขยายผลจากการที่พล.อ.ประยุทธ์รวบอำนาจของรัฐมนตรีตามกฎหมายต่างๆ 31 ฉบับ มาเป็นของนายกฯแบบเบ็ดเสร็จว่า ผ่านมา 2 ปีรัฐบาลสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 รัฐบาลล้มเหลวทุกด้าน ไม่มี ทรง มีแต่ทรุด ที่พอประคับประคองสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ไม่ให้วิกฤตหนักไปกว่านี้ ก็ด้วยระบบสาธารณสุขพื้นฐานของประเทศ ความเสียสละของบุคลากร ทางการแพทย์ ความร่วมมือร่วมใจของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ถนัดใช้แต่อำนาจพิเศษ ก็เลยใช้หน่วยงานด้านความมั่นคง นำการสาธารณสุขในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนล้มเหลว สับสน ไร้ประสิทธิภาพ ไฟลนก้น ประชาชนหมดความอดทนกับพล.อ.ประยุทธ์ บริหารจัดการโควิดล้มเหลว ทั้งการควบคุมการแพร่ระบาด เตียงผู้ป่วยไม่พอ วัคซีนมาไม่ทันการณ์ “รัฐบาลล้มเหลวทุกด้าน ทั้งไวรัสโรคระบาด และไวรัสเสถียรถาพรัฐบาลวิกฤตพร้อมกัน หากพล.อ.ประ ยุทธ์ลาออก ลุกออกจากการนั่งทับปัญหา เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นนับหนึ่งในการแก้ไขปัญหาวิกฤตประเทศ” ขณะที่ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ( iLaw) หรือไอลอว์ โพสต์ข้อความสื่อสารไปยังกลุ่มคนที่เรียกร้องประชาธิปไตยว่า “คสช. มีเรื่องเ...ยๆ หลายร้อยหลายพัน ถ้าเอาความโกรธเกลียดเข้าปะทะยังไงก็สู้กำลังอำนาจที่เขามีไม่ได้ ที่ต้องลุกมาสู้ เพราะคสช.ทำลายหลักการทุกอย่างที่รู้จัก เมื่อ ค่อยๆ สู้ด้วยความจริงและเหตุผล ผ่านไปหลายปีคนจำนวนมากก็ตื่นตัวย้ายข้างมาสู้ด้วยกัน ก็เป็นธรรมชาติ แต่ชนะไหม ได้ยังไม่แน่ ตลอดเวลาที่ต่อสู้ เอาเวลาชีวิตเข้าแลก ไม่ได้หวังเห็น “เขา” ล่มสลาย แต่หวังทวงคืนหลักการบางอย่าง ให้สังคมยังอยู่ด้วยกันได้ ถ้าระหว่างทางคนที่เดินเป้าหมายเดียวกันทำลายหลักการที่ยึดถือ ก็ต้องด่า ต้องเตือน ถ้าไม่กลับเข้าเส้นทาง ก็ต้องแยกเดิน เป้าหมายเหมือนกัน แต่หลักการตรงข้ามได้ การเดินทางนี้ยังไงก็อีกยาว ต้องจบด้วยความเปลี่ยนแปลงแน่ๆ และบาดแผลคงไม่น้อย ปลายทางจะได้มาซึ่งหลักการที่จะค้ำจุนการอยู่ร่วมกัน และไปต่อข้างหน้า หรือเผด็จการเหี้ยๆ แบบใหม่ที่มุ่งมั่นแต่ล้างแค้น อยู่ที่การออกแบบทุกก้าวในวันนี้และพรุ่งนี้ทั้งนั้นเวลามีเยอะ ผมไม่รีบ”