“รัฐบาล” แจ้งประชาชนทั่วไปลงทะเบียนรับวัคซีนโควิด1ก.ค.นี้ “บิ๊กตู่” ขอบคุณทุกภาคส่วน ช่วยดูแล ปชช. พร้อมเพิ่มศักยภาพ “สายด่วนโควิด-19”รองรับผู้ป่วย “อนุชา” มอบ “สำนักพุทธฯ”เร่งแจงทุกวัดทั่วประเทศ ให้รับเผาศพเหยื่อผู้เสียชีวิต ส่วน“โควิดไทย”ยังวิกฤติดับรายวัน21 ราย ติดเชื้อใน ปท.1,940 ราย อาการหนักเพิ่มเป็นเกือบพันราย “ศบค.” เผยตัวเลขผู้ติดชื้อภาคกลางสูง เหตุติดคนใกล้ชิด แนะถ้าทำได้แยกผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยออกจากคนเดินทาง ยันผู้ป่วยโควิด-19 รอเตียงไม่เกิน 48 ชั่วโมง พร้อมขอโทษปชช.หลังระบบลงทะเบียน “หมอพร้อม” ล่ม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.64 เพจไทยคู่ฟ้า โพสต์ข้อความระบุว่า “ฟังทางนี้! ประชาชนทั่วไป ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด 1 ก.ค. นี้ สำหรับประชาชนทั่วไป ที่มีอายุระหว่าง 18 - 59 ปี จะสามารถลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป และจะเริ่มรับการฉีดตั้งแต่เดือน ส.ค. เป็นต้นไป” นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายหน่วยงานได้ร่วมกันดำเนินการขยายการให้บริการสายด่วนโควิด-19 ทั้งในเรื่องความเพียงพอของบุคลากรและจำนวนคู่สาย เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้รับการดูแลที่สถานพยาบาล ตามระดับอาการอย่างรวดเร็ว ตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมดังนี้ 1.กระทรวงสาธารณสุข ในช่วงต้นได้เพิ่มจำนวนคนรับสายด่วน 1668 ซึ่งเป็นจิตอาสาทาง การแพทย์และสาธารณสุขกว่า 200 คน และมีการเพิ่มคู่สายอีก 40 คู่สายเบอร์ 02-079-1000 เพื่อเสริมศักยภาพในการประสาน รับ-ส่ง ผู้ติดเชื้อไปศูนย์แรกรับอาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ 2.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศา สตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คัดนักเรียนแพทย์ที่มีความพร้อมมาช่วยรับสายด่วน 1668 และ 1669 เพื่อแก้ปัญหาคนไม่พอ3. บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด ( มหาชน) เข้าปรับปรุงระบบสายด่วน 1668 และเพิ่มคู่สายให้สามารถรองรับปริมาณการโทรจำนวนมาก4.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิด "ศูนย์ 191" รับแจ้งผู้ป่วยโควิด-19 แล้วส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานการแพทย์ ตลอด 24 ชัาวโมงรองรับ 1,200 คู่สายทั่วประเทศ5. สำ นักงานหลักประ กันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) โทร 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง ทำงานคู่ขนานกับสายด่วน 1668 ของกระทรวงสาธารณ สุข และสายด่วน 1669 ศูนย์เอรวัณ กทม. เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 สอบถามข้อมูลการใช้สิทธิหลักประ กันสุขภาพแห่งชาติ(สิทธิบัตรทอง)และประสานหาเตียง6.สำหรับผู้ติดเชื้อในพื้นที่กทม. โทรสายด่วน 1669 ศูนย์ เอราวัณ ซึ่งได้จัดระบบการรับสายใหม่และเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รับสาย ขณะนี้ไม่มีปัญหาแล้ว และพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งประชาชนสามารถติดต่อสายด่วน 1668 หรือ 1330 ได้ด้วย ทั้งนี้ เมื่อมีผู้รับเรื่องแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องโทรหมายเลขอื่นอีก เนื่องจาก ศูนย์เอราวัณจะเป็นศูนย์กลางในการจัดเตียง ขณะนี้ทางศูนย์ฯ แจ้งว่าสามารถดำเนินการนำส่งผู้ป่วยได้แบบวันต่อวัน “นายกฯ ได้ขอบคุณบุคลากรและอาสาสมัครทุกภาคส่วนที่ทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ในการดูแลประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ข้อบกพร่องใดๆที่เกิดขึ้น รัฐบาลได้เร่งเข้าแก้ไข และสนับสนุนทรัพยากรเพื่อให้เกิดพัฒนางานบริการในทุกด้าน รวมถึงมีการเตรียมพร้อมเพื่อดูแลผู้ป่วยอาการหนักที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้ง มีงบประมาณเพียงพอต่อการเยียวยาดูแลและบรรเทาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ วงเงินมาจากจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน และงบกลางปีงบประมาณ 2564 โดยกระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาออกมาตรการ ทั้งรูปแบบการเยียวยา และกระตุ้นใช้จ่าย” ด้าน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากได้สั่งการไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการประสาน สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และขอความร่วมมือวัดทุกวัด ทั่วประเทศ อย่าปฏิเสธการประกอบพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แต่ขอให้ใช้ความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ ในการดำเนินการฌาปนกิจศพ โดยให้ประสานกับสาธารณสุขพื้นที่ เพื่อปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัดและถูกวิธี และต้องสร้างความเข้าใจกับญาติ เกี่ยวกับการประกอบพิธีฌาปนกิจนั้นต้องกระทำทันที ไม่ให้มีการจัดสวดอภิธรรมศพเป็นระยะเวลานานนั้น จากรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดหลายแห่งทั่วประเทศให้ความร่วมมือรับศพผู้ป่วยโควิดมาประกอบพิธีฌาปนกิจแล้วจำนวน 21 ราย โดยส่วนมากอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 10 ราย และกระจายตามจังหวัดต่างๆ ที่พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ อาทิ วัดเทพลีลา วัดลาดปลาเค้า วัดกุนนทีรุทธาราม เป็นต้น โดยการลำเลียงศพจากสถานพยาบาลมายังวัดต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ต้องสวมใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อ หรือชุด PPE การบรรจุศพลงใส่โลง ต้องมีการบรรจุใส่ซิปล็อก พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ ขอให้ญาติผู้เสียชีวิตเข้าใจถึงความจำเป็นในการประกอบพิธีฌาปนกิจศพผู้ป่วยโควิด-19 โดยต้องกระทำการเผาทันทีภายหลังเสียชีวิตไม่เกิน 1 วัน เพราะไม่ได้ฉีดยารักษาสภาพศพ โดยผู้ร่วมพิธีฌาปนกิจ ให้มีเฉพาะญาติพี่น้องที่ใกล้ชิด เท่าที่จำเป็นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่อาจเกิดขึ้นในชุมชนใกล้เคียง ส่วน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ รองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประเทศไทยล่าสุดว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 1,940 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,930 ราย(แบ่งเป็นจากการเฝ้าระวังในระบบบริการสุขภาพ 1,788 ราย และจากการตรวจค้นหา เชิงรุกในชุมชน 142 ราย) และเดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย รวมยอดป่วยสะสม 68,984 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 21 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 245 ราย รักษาหายเพิ่ม 1,183 ราย รวมยอดผู้ป่วยรักษาหาย 39,481 ราย และ ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 29,481 ราย ขณะที่ผู้ป่วยอาการหนัก 954 ราย (ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ) 270 ราย โดยรักษาอยู่ในรพ. 21,368 ราย อยู่ในรพ.สนาม 9,128 ราย ทั้งนี้ อันดับไทยอยู่ที่ 102 ของโลก พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เสียชีวิต 21 ราย พบว่า ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในครอบครัว จากเพื่อน และจากเพื่อนร่วมงาน โดย 8 ราย อยู่ใน กทม. อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 4 ราย จังหวัดชลบุรี และลำพูน จังหวัดละ 2 ราย และจังหวัดนครปฐม ตาก ระยอง นครสวรรค์ อุดรธานี พบผู้เสียชีวิตจังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 12 ราย หญิง 9 ราย อายุระหว่าง 34-88 ปี พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ในการประชุม ศบค.ชุดเล็กได้พิจารณาจุดเสี่ยง ในพื้นที่ภาคกลาง พบว่า มีการติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่ใกล้ชิด ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน มีกิจกรรมร่วมกันเช่น การพบปะในสถานที่ทำงาน การนัดพบในกลุ่มเพื่อน การสังสรรค์ในครอบครัว รวมถึงการจัดกิจกรรมทางศาสนา งานแต่งงาน งานบวช หรืองานศพ เริ่มมีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเน้นย้ำให้ทุกท่านระวังตัว เมื่อออกจากบ้าน แต่ตอนนี้ศบค. มีความเป็นห่วง แม้ว่าท่านจะอยู่ในแวดล้อมคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดแต่ต้องระวัง หากใสครอบครัวมีสมาชิกหลายวัย ทั้งผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง และมีคนวัยทำงานที่ต้องเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงซึ่งกรมควบคุมโรคเข้าใจในความยากลำบากที่จะแยกบริเวณในครอบครัว แต่หากเป็นไปได้จะต้องแยกคนสูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและคนที่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงออกจากกัน ไม่พยายามที่จะทำกิจการร่วมกัน เพื่อที่จะลดพูดตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มาจากผู้ใกล้ชิดในครอบครัว พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่าสำหรับการรอเตียงของผู้ป่วย โควิด-19 นั้น เมื่อวันที่ 29 เม.ย.พบว่าผู้ป่วยรอเตียงอยู่ที่ 1-2 วัน และวันนี้รองอธิบดีกรมการแพทย์รายงานในที่ประชุมศบค.ชุดเล็กว่า ประชาชนที่ติดเชื้อจะได้รับการจัดการเรื่องเตียงภายใน 48 ชั่วโมง ทั้งนี้หากประชาชนยังรอเตียงเกิน 48 ชั่วโมงสามารถรายงานไปยังโรงพยาบาลต้นสังกัดหรือสายด่วนต่างๆได้ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ขอย้ำสถานประกอบการและสถานที่ทำงาน เนื่องจากท่านเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คนในความดูแลของท่านมีความเข้มข้นในมาตราการดูแลตัวเองเมื่ออยู่ในที่ทำงาน ซึ่งก็จะสามารถช่วยลดยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตได้ เมื่อถามถึง การแก้ไขข้อมูลหลังจากลงทะเบียนในหมอพร้อม ที่มีปัญหาว่าที่อยู่กับสถานที่ฉีดวัคซีนอยู่คนละที่กัน รวมถึงกรณีผู้สูงอายุในต่างจังหวัดไม่สะดวกในการใช้โทรศัพท์ พ.ญ.อภิสมัย กล่าวว่า จากที่เมื่อวันที่ 1 พ.ค.เปิดให้ลงทะเบียนหมอพร้อมได้รับรายงานจากพี่น้องประชาชนเนื่องจากระบบมีปัญหาจรทำให้ปิดระบบไป ก็ต้องขอโทษจริงๆ ซึ่งที่ประชุมศบค.ตรวจสอบวันนี้เมื่อเวลา 09.00 น.พบว่า มีผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 430,588 ราย โดยลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ หมอพร้อมจำนวน 329,717 ราย และลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม 100,871 ราย ทั้งนี้หากประชาชนไม่สะดวกที่จะลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน สามารถติดต่อสอบถามอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน โรงพยาบาลใกล้บ้าน โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้ ทางด้าน นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (ซุปเปอร์โพล)เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ผู้ นำ ฝ่าโควิดของไทยโดยสอบถามถึงลักษณะผู้นำฝ่าวิกฤตโควิดที่ประชาชนต้องการ พบว่า ร้อยละ 69.9 ช่วยเหลือประชาชน ด้วยความรวดเร็วฉับไว รองลงมาคือ ร้อยละ 65.3 มีเอกภาพสั่งการครอบคลุมทุกมิติ ร้อยละ 61.7 เด็ดขาดชัดเจน เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อ ผู้นำประเทศและหัวหน้าส่วนราชการในสถานการณ์โควิดรอบใหม่ พบว่า ร้อยละ 94.1 ต้องการผู้นำที่เด็ดขาดและมีความรับผิดชอบสูง รองลงมาคือ ร้อยละ 92.4 เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลยและทุจริต ร้อยละ 84.2 ระบุผู้นำในวิถีประชาธิปไตย ที่เปิดกว้างรับฟังและให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม และร้อยละ 83.5 ระบุผู้นำที่ต้องเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายจริงจัง เมื่อถามว่า ถ้าวันนี้เลือกได้ จะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีพบว่า ร้อยละ 42.6 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาคือ ร้อยละ 23.8 ระบุ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 9.6 ระบุ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และร้อยละ 24.0 ระบุอื่น ๆ นอกจากนี้ ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งจะเลือกพรรคใด พบว่า ร้อยละ 37.9 จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ รองลงมาคือ ร้อยละ 11.3 จะเลือกพรรคก้าวไกล ร้อยละ 10.0 จะเลือกพรรค ไทยสร้างไทย ร้อยละ 9.5 จะเลือกพรรคเพื่อไทย และร้อยละ 31.3 ระบุอื่น ๆ