ประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นฝ่ายไทย ( แม่ฮ่องสอน ) ยื่นหนังสือถึงพม่า ให้ระมัดระวังการโจมตีทางอากาศอย่าให้กระทบราษฎรไทย เนื่องจากห่างจากฐานพม่าเพียง 1 กม. ขณะที่ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ยังคงโจมตีฐานที่มั่นของพม่า ฐานฯ ด๊ากวิน อย่างหนัก
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 นายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน ในฐานะผอ.ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย - เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แถลงข่าวถึง สถานการณ์การสู้รบฝั่ง พม่าโดย เมื่อวันที่ 30 เม.ย.64 ประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นฝ่ายไทย (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) ได้ทำหนังสือไปยังประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นฝ่ายเมียนมา (จังหวัด เมียวดี) สืบเนื่องมาจากกรณีที่ทหารเมียนมาได้มีปฏิบัติการทางทหาร โดยใช้เครื่องบินโจมตีทางอากาศต่อกองกำลังกะเหรี่ยง บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้านตรงข้าม อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน นั้น โดยขอให้ทหารเมียนมาเพิ่มความระมัดระวังในการใช้กำลังโจมตีทางอากาศอย่างสูงสุด เพื่อมิให้มีกระสุน/ระเบิด ตกเข้ามายังฝั่งไทย ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน และอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 เวลา 15.56 น. ทหารเมียนมานำเครื่องบินปีกหมุน จำนวน 1 เครื่อง เข้าโจมตี กองกำลังKNU โดยการยิงจรวด จำนวน 10 ลูก และยิงปืนจากอากาศสู่พื้น เป็นชุดๆ บริเวณทางด้านทิศตะวันตก ฐานฯ ด๊ากวิน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ด้านตรงข้าม ฐานฯ บ.ท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ห่างจากแนวชายแดน ประมาณ 1 กม. (ไม่ทราบความสูญเสีย)
ต่อมา เวลา 16.50 น. ได้ยินเสียงเครื่องยิงลูกระเบิด (ไม่ทราบชนิด ) จำนวน 2 นัด ทางทิศตะวันตก ของ ฐานด๊ากวิน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา กระสุนตกห่างจาก ฐานด๊ากวิน ประมาณ 500 ม. (ไม่ทราบความสูญเสีย)
และในเวลา 20.08 น. ทหารเมียนมา และ กองกำลังKNU มีการปะทะกันบริเวณฐานด๊ากวิน โดยใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ยิงจาก ฐานด๊ากวิน ไปทางทิศตะวันตกของฐานฯ จำนวน 11 นัด และกระสุนปืนเล็ก/ปืนกล ยิงบริเวณรอบฐานด๊ากวิน ห่างจากแนวชายแดน ประมาณ 1 กม. (ไม่ทราบความสูญเสีย)
ในห้วงที่ผ่านมาอากาศยานของเมียนมา ไม่ได้บินรุกล้ำน่านฟ้าเข้ามาในฝั่งไทย และการโจมตีทางอากาศของเมียนมา ต่อเป้าหมายกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยง ในฝั่งเมียนมา ยังไม่ส่งผลกระทบต่อฝั่งไทย และยังไม่ถือว่าเป็นการละเมิดหรือรุกล้ำอธิปไตยของไทย
ปัจจุบันกองกำลังนเรศวร ได้จัดกำลังพลลงพื้นที่ ทำการพบปะ/สร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป้าหมายการโจมตีของทหาร เมียนมาเป็นกองกำลังชนกลุ่มน้อย KNU ไม่ใช่ทหารไทย หรือประชาชนคนไทย และที่ผ่านมากองกำลังนเรศวรได้แจ้งให้ทหารเมียนมาระมัดระวังในการโจมตี เพื่อไม่ให้กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ในสถานการณ์ปัจจุบันกองกำลังนเรศวร โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
2. ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน
2.1 ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 64 เป็นต้นมา มีราษฎรชาวเมียนมาเดินทางข้ามมายังประเทศไทย ในพื้นที่ อ.สบเมย และ อ.แม่สะเรียงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีราษฎรชาวเมียนมาที่เดินทางข้ามมายังประเทศไทยจากเหตุความไม่สงบในเมียนมา พักในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่ง รวมทั้งสิ้น 2,318 คน ดังนี้
- พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยอีนวล ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 320 คน
- พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยโกเฮ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน ๗๒ คน
- พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ตรงข้ามห้วยอูมปะ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 1,767 คน
- พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ตรงข้ามห้วยออเลาะ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 159 คน
2.2 กรณีราษฎรไทยได้รับผลกระทบจากการสู้รบในประเทศเมียนมาใน 2 พื้นที่รวมทั้งสิ้น 201 คน ได้จัดให้อยู่ในพื้นที่รวบรวมพลเรือนขั้นต้น ดังนี้
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 ราษฎรไทยในพื้นที่ บ.แม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ได้อพยพไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือนขั้นต้น โรงเรียนบ้านห้วยกองก้าด ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 450 คน ปัจจุบันบางส่วนได้ไปพักอาศัยในบ้านญาติ ขณะนี้คงเหลือในพื้นที่รวบรวมพลเรือนขั้นต้น จำนวน 84 คน โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จัดกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอสบเมย, สถานีตำรวจภูธรสบเมย, เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสบเมย และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกกับราษฎรดังกล่าว
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 64 ราษฎรไทยในพื้นที่ บ.ท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน ๗๐ คน ได้อพยพไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือนขั้นต้น ที่พักริมห้วยกองคา ต.ท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง ในขณะนี้มีราษฎรไทยอพยพเพิ่มเติมเข้าไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือนขั้นต้น ทำให้ในปัจจุบันมีราษฎรไทยในพื้นที่ดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 117 คน โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จัดกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอแม่สะเรียง, สถานีตำรวจภูธรแม่สะเรียง, เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอแม่สะเรียง และองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตาฝั่งช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับราษฎรดังกล่าว