นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้กระทรวงแรงงานดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพของพี่น้องแรงงาน พร้อมให้ดูแลผู้ประกันตนที่มีกว่า 16.5 ล้านคน โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดสถานที่ และสถานประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว จะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน ตามประกาศ “กฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมาย ว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. 2563” และลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้างหรือถูกสั่งให้กักตัว มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน แต่ไม่เกิน 90 วัน ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการของรัฐบาลที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในขณะนี้
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุก ผู้ประกันตนทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างชาติ ในพื้นที่ที่มีกลุ่มเสี่ยงจำนวนมากทั้ง 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี ชลบุรี และเชียงใหม่ ตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด พร้อมประสานกับโรงพยาบาลเครือข่ายประกันสังคมในการเตรียมแผนรองรับผู้ประกันตนที่อาจติดโควิด-19 สำหรับผู้ที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งจะประสานให้ส่งตัวไปยัง Hospitel รวมทั้งกำชับให้ทุกสถานประกอบการทุกแห่ง เฝ้าระวัง ตรวจสอบ คัดกรองโรคโควิด-19 เพื่อร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถหาสถานที่ตรวจโควิด-19 หรือสถานพยาบาล สามารถติดต่อสายด่วนได้ที่ 1506 กด 6