ตาวัย 82 ชาว​ จ.บุรีรัมย์ ตามหาลูกชายหายจากบ้านมานานเกือบ 10 ปี จนล้มป่วยและเสียชีวิตไม่ทันได้เห็นหน้าลูก ทั้งเคยบอกไว้ว่าหากใครตามหาลูกชายเจอจะให้วัว 1 ตัว ญาติและ ตร.วอนหากลูกชายยังมีชีวิตหรือใครพบเห็นช่วยแจ้งเบาะแส เพื่อกลับมาทำบุญกระดูกให้พ่อ ทั้งดูแลบ้านที่ดินและทรัพย์สินที่เหลือ เพราะมีลูกชายคนเดียว (1 พ.ค.64) นายแถน และนางมาน ชุมหิรัญ สองสามี​ ภรรยา​ ชาวบ้านโคกใหญ่ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาวิงวอนให้ชาวโซเชียล และประชาชนทั่วไปช่วยแจ้งเบาะแส หากพบเห็นนายอาจองค์ ชุมหิรัญ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นหลานชาย หลังจากนายอาจองค์ ได้เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร​ ตั้งแต่ปี 2555 แล้วหายไปไม่เคยติดต่อหรือกลับมาบ้านอีกเลย​ เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ซึ่งหลังจากหายออกจากบ้าน​ นายมีชัย ชุมหิรัญ อายุ 82 ปี ผู้เป็นพ่อ ก็ได้ไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.พิทักษ์ สิงห์คำ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ไว้เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2558 เพื่อให้ช่วยตามหา ทั้งยังพยายามตามหาด้วยตัวเองมาตลอด ถึงขนาดเคยบอกว่าหากใครตามหาลูกชายเจอจะให้วัวที่เลี้ยงไว้ 1 ตัว​ ตอบแทนเพราะอยากเจอหน้าลูกชายมาก กระทั่งเมื่อปี 2564 เริ่มมีอาการป่วยด้วยโรคปอดประกอบกับสังขารที่แก่ชรา ก็เข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นประจำ และเมื่อเดือน เม.ย.2564 ได้เกิดเป็นลมที่ศาลากลางจังหวัดขณะไปทำธุระ จนมีพลเมืองดีนำส่ง รพ.บุรีรัมย์ ซึ่งตอนนี้ในกระเป๋าของคุณตามีชัย พบเพียงกระดาษที่จดเบอร์โทรของ ร.ต.อ.พิทักษ์ สิงห์คำ พนักงานสอบสวน ที่นายมีชัย เคยไปแจ้งความให้ช่วยตามหาลูกชายที่หายเท่านั้น ไม่สามารถติดต่อลูกหรือญาติได้ ทาง รพ.จึงติดต่อไปยังพนักงานสอบสวนคนดังกล่าว เพื่อให้ช่วยประสานญาติ จนน้องชายตามีชัย ทราบและไปดูแลที่ รพ. กระทั่งเมื่อวันที่ 21 เม.ย.64 คุณตามีชัย ก็ได้เสียชีวิตลงโดยที่ไม่ทันได้เห็นหน้าลูกชายที่ตามหามาเกือบ 10 ปี และญาติได้ช่วยกันประกอบพิธีฌาปนกิจศพเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา นายแถน อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นน้องชายคุณตามีชัย จึงอยากฝากถึงหลานชายหากยังมีชีวิตหรือได้เห็นภาพข่าวนี้ หรือหากใครพบเห็นนายอาจองค์ หลานชาย ก็ให้ช่วยแจ้งข่าว เพื่อให้นายอาจองค์ กลับมาทำบุญกระดูกให้กับผู้เป็นพ่อด้วย ทั้งอยากจะให้หลานกลับมาดูแลบ้าน ที่ดิน และทรัพย์สินของพ่อที่เหลือด้วย เพราะมีลูกชายเพียงคนเดียว ซึ่งก่อนที่ตามีชัย จะล้มป่วยและเสียชีวิตก็ได้ตั้งเสาและซื้ออุปกรณ์มาไว้เพื่อเตรียมสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับลูกชาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นหน้าลูกชาย ด้าน ร.ต.อ.พิทักษ์ สิงห์คำ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ระบุว่า หลังจากที่คุณตามีชัย มาแจ้งความไว้เมื่อปี 2558 ว่าลูกชายหายออกจากบ้านติดต่อไม่ได้อยากให้ช่วยตามหาให้ด้วย เพราะเป็นห่วงลูกชายและอยากให้กลับมาดูแลบ้านและทรัพย์สินที่เหลือ เพราะเหลือลูกชายเพียงคนเดียว หลังรับแจ้งก็ได้ส่งข้อมูลคนหายไปยังศูนย์คนหาย​ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งประสานขอข้อมูลไปยังที่ที่นายอาจองค์ เคยทำงานเป็น รปภ. และ รพ.ที่มีสิทธิรักษาประกันสังคม แต่ก็ไร้วี่แวว กระทั่งเมื่อประมาณปี 2563 มีใบสั่งของนายอาจองค์ ส่งมาที่บ้านว่า​ ขับรถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ที่เขต สน.สำราญราษฎร์ จึงได้ให้เพื่อนที่ สภ.พลับพลาชัย กรุงเทพฯ ช่วยไปตรวจสอบให้แต่ก็ไม่มีเบาะแส ส่วนใบสั่งก็ไม่มีคนไปชำระเงิน ซึ่งจากข้อมูลต่างๆ ก็เชื่อว่านายอาจองค์ น่าจะยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมไม่ติดต่อหรือเดินทางกลับบ้าน ก็อยากฝากถึงคนที่พบเห็นช่วยแจ้งเบาะแสเพราะอยากให้นายอาจองค์ กลับมาทำบุญให้กับพ่อตัวเอง และกลับมาดูแลบ้านและมรดกที่เหลือด้วย เพราะมีลูกชายแค่คนเดียว