วันที่ 1 พ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ทางจังหวัดยโสธร ได้ให้ความรู้ในเรื่องการลงทะเบียนจองคิวรับวัคซีน หมอพร้อม รอบแรก โดยจะต้องมีรายละเอียด ดังนี้
1.ผู้ที่ลงทะเบียนจองคิวรับวัคซีนในรอบแรกได้
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ 1. โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง 2. โรคหัวใจและหลอดเลือด 3. โรคไตวายเรื้อรัง 4. โรคหลอดเลือดสมอง 5. โรคอ้วน 6. โรคมะเร็ง 7. โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดอาการป่วยรุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19
2.ลงทะเบียนรอบแรกแล้วได้ฉีดเมื่อไหร่
สำหรับรอบผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังนี้ จะเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 และจะเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เป็นต้นไป
3.ต้องรีบจองไหม
ในการรับวัคซีนรอบแรกนี้ (มิ.ย. - ก.ค. 64) มีวัคซีนของ AstraZeneca ที่จัดหาไว้ทั้งสิ้น 16 ล้านโดส ซึ่งจะครอบคลุมการฉีดวัคซีนเข็มแรกของกลุ่มประชากรเป้าหมายในรอบนี้ที่มีอยู่ประมาณ 16 ล้านคน อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมเป้าหมายทั้งสิ้นที่ 50 ล้านคน (70% ของประชากร) ภายในสิ้นปีนี้
4.แล้วรอบประชาชนทั่วไปจะเป็นเมื่อไหร่
ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และจะเริ่มเข้ารับวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
5.จองคิวรับวัคซีนได้ช่องทางไหนบ้าง
1. LINE OA หมอพร้อม 2. โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา 3. อสม. หรือ รพ.สต. ในพื้นที่
5.รายชื่อผู้ได้รับสิทธิ์ในรอบแรกนี้มาจากไหน
รายชื่อผู้ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด ถูกส่งมาจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศ โดยคัดกรองจากประวัติการรักษา
6.ถ้ารายชื่อตกหล่นต้องทำอย่างไร
ถ้าพบว่ารายชื่อตกหล่น ให้แจ้งไปที่โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา เพื่อนำรายชื่อเข้าระบบหมอพร้อม
7.ลงทะเบียนแล้วรับวัคซีนได้ที่ไหนบ้าง
สามารถเลือกสถานที่รับวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา โรงพยาบาลภูมิลำเนา หรือศูนย์ฉีดวัคซีนสนาม
8.รับวัคซีนแล้ว กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติก่อน New Normal ได้เลยไหม
ทั้งนี้เมื่อได้รับวัคซีนแล้ว ร่างกายจะได้รับการกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาหลังจากรับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งยังคงมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโควิด-19 แล้วเกิดอาการป่วยได้ แต่จะลดอาการป่วยรุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิตลง จึงขอแนะนำให้ยังคงใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง และล้างมืออย่างสม่ำเสมอ จนกว่าจะมีประกาศจากทางกระทรวงสาธารณสุข
ที่มาข้อมูล : กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
1.ผู้ที่ลงทะเบียนจองคิวรับวัคซีนในรอบแรกได้
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ 1. โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง 2. โรคหัวใจและหลอดเลือด 3. โรคไตวายเรื้อรัง 4. โรคหลอดเลือดสมอง 5. โรคอ้วน 6. โรคมะเร็ง 7. โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดอาการป่วยรุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19
2.ลงทะเบียนรอบแรกแล้วได้ฉีดเมื่อไหร่
สำหรับรอบผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังนี้ จะเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 และจะเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เป็นต้นไป
3.ต้องรีบจองไหม
ในการรับวัคซีนรอบแรกนี้ (มิ.ย. - ก.ค. 64) มีวัคซีนของ AstraZeneca ที่จัดหาไว้ทั้งสิ้น 16 ล้านโดส ซึ่งจะครอบคลุมการฉีดวัคซีนเข็มแรกของกลุ่มประชากรเป้าหมายในรอบนี้ที่มีอยู่ประมาณ 16 ล้านคน อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมเป้าหมายทั้งสิ้นที่ 50 ล้านคน (70% ของประชากร) ภายในสิ้นปีนี้
4.แล้วรอบประชาชนทั่วไปจะเป็นเมื่อไหร่
ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และจะเริ่มเข้ารับวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
5.จองคิวรับวัคซีนได้ช่องทางไหนบ้าง
1. LINE OA หมอพร้อม 2. โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา 3. อสม. หรือ รพ.สต. ในพื้นที่
5.รายชื่อผู้ได้รับสิทธิ์ในรอบแรกนี้มาจากไหน
รายชื่อผู้ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด ถูกส่งมาจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศ โดยคัดกรองจากประวัติการรักษา
6.ถ้ารายชื่อตกหล่นต้องทำอย่างไร
ถ้าพบว่ารายชื่อตกหล่น ให้แจ้งไปที่โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา เพื่อนำรายชื่อเข้าระบบหมอพร้อม
7.ลงทะเบียนแล้วรับวัคซีนได้ที่ไหนบ้าง
สามารถเลือกสถานที่รับวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา โรงพยาบาลภูมิลำเนา หรือศูนย์ฉีดวัคซีนสนาม
8.รับวัคซีนแล้ว กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติก่อน New Normal ได้เลยไหม
ทั้งนี้เมื่อได้รับวัคซีนแล้ว ร่างกายจะได้รับการกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาหลังจากรับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งยังคงมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโควิด-19 แล้วเกิดอาการป่วยได้ แต่จะลดอาการป่วยรุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิตลง จึงขอแนะนำให้ยังคงใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง และล้างมืออย่างสม่ำเสมอ จนกว่าจะมีประกาศจากทางกระทรวงสาธารณสุข
ที่มาข้อมูล : กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข