นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศอย่างมีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมุ่งส่งเสริมการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศที่มีศักยภาพ มีโอกาสรับการพัฒนาทักษะฝีมือ เพื่อนำกลับมาเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 แรงงานไทยในต่างประเทศถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากสามารถนำเงินตราเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก นับจากเดือนตุลาคม 2563 – มีนาคม 2564 มีการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศแล้ว จำนวน 17,480 คน สร้างรายได้เข้าประเทศ เป็นเงินจำนวน 79,449 ล้านบาท ทั้งนี้กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างหาแนวทางเพิ่มการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ คาดว่าจะมีการปรับปรุง กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดส่งแรงงานไทย เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งอาจมีการเจรจาเพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการจัดส่งแรงงานฯด้วย สำหรับผู้สนใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศ สามารถติดตามข่าวสาร ประกาศรับสมัครได้ที่เว็บไซต์ www.doe.go.th/overseas และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน อย่างไรก็ดี นอกจากให้ความสำคัญกับการจัดส่งแรงงานไทยฯแล้ว ในช่วงโควิด 19 นี้ ท่านนายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำให้คำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพของแรงงานเป็นอันดับแรก โดยกระทรวงแรงงานได้กำหนดให้ แรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ได้รับหนังสือแจ้งสถานการณ์ในประเทศที่กำลังเดินทางไป รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ด้วย และการเดินทางในทุกประเทศและทุกวิธีการเดินทางในช่วงสถานการณ์นี้ ต้องลงนามในหนังสือรับทราบและยินยอมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และจัดทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นอกจากนี้กระทรวงแรงงานยังมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศซึ่งมีค่าสมัครเป็นสมาชิกเพียง 300-500 บาทต่อคน เพื่อมีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือหากประสบปัญหาในต่างประเทศ โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – มีนาคม 2564 ที่ผ่านมาได้ให้การสงเคราะห์สมาชิกกองทุนฯแล้ว จำนวน 13,895,785 บาท เป็นกรณีรับผลกระทบจากโควิด 19 ถึง 599 ราย มูลค่า 8,845,000 บาท นายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานมีภารกิจในการส่งเสริม และกำกับดูแลให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งมี 5 วิธีคือ 1.กรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง 2.บริษัทจัดหางานจัดส่ง 3.นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างของตนไปทำงานต่างประเทศ 4.นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงานในต่างประเทศ 5.คนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ได้ค่าจ้างที่เหมาะสม และยังได้รับการดูแลที่ดีตามสิทธิที่พึงมีด้วย ขณะเดียวกันผู้เดินทางตาม 5 วิธีดังกล่าว ยังได้รับการอบรมเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ก่อนการเดินทาง อาทิ การชี้แจงรายละเอียดค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย การอบรมเรื่องภาษา วัฒนธรรม การปฏิบัติตัว ช่องทางติดต่อหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือแก่แรงงานไทย และกฎหมายว่าด้วยการจ้างแรงงานต่างชาติของประเทศนั้นๆ ซึ่งล่าสุดกรมการจัดหางานได้ปรับขั้นตอนการเตรียมความพร้อมแก่แรงงาน ตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิก่อนขึ้นอาคาร และก่อนเข้าห้องอบรม การลดระยะเวลาเข้าอบรม ตลอดจนจำกัดจำนวนผู้เข้าอบรมให้เหมาะสมกับขนาดห้องอบรม โดยใช้วิธีเพิ่มรอบการอบรมแทนเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม นอกจากนี้ยังมีการพักห้องอบรมเพื่อทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสก่อนเข้าอบรมในรอบต่อไป