"เศรษฐกิจไทย"อ่วม! "คลัง"หั่น"จีดีพี"ปี 64 เหลือ 2.3% จาก 2.8% หลังโดนพิษโควิด-19 รอบใหม่ พร้อมเร่งสรุปมาตรการเยียวยา พ.ค.นี้ ขณะที่"ประธาน ส.อ.ท."ขอเป็นตัวกลางประสานเอกชนที่ต้องการจัดหาวัคซีนเร่งด่วนฉีดให้พนักงาน
เมื่อวันที่ 29 เม.ย.64 น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.3 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.8 ถึง 2.8) ปรับตัวลดลงจากประมาณการครั้งก่อนของเดือน ม.ค.64 ที่ร้อยละ 2.8 ต่อปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019: COVID-19) ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย การเดินทางระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากมาตรการทางการคลังและการเงินที่ประเทศต่างๆดำเนินการเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ 11.0 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 10.5 ถึง 11.5)
นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการทางการคลังของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการ ม33เรารักกัน และมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ประกอบกับการใช้จ่ายเงินกู้จากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ที่คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายในส่วนที่เหลือได้อย่างต่อเนื่อง จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภค ประคับประคองภาคธุรกิจ และรักษาระดับการจ้างงานให้สูงขึ้น โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.3 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.8 ถึง 2.8) และ 4.8 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.3 ถึง 5.3) ตามลำดับ ขณะที่การบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.5 ถึง 5.5) และ 10.1 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 9.6 ถึง 10.6) ตามลำดับ
วันเดียวกัน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เม.ย.64 นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณภาคเอกชนที่ร่วมแสดงเจตจำนงในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยทางรัฐบาลจะเร่งจัดหาวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส เพื่อให้เพียงพอกับคนไทย และในเดือนพ.ค. 64 จะมีวัคซีนเพิ่มเข้ามาอีกอย่างแน่นอน ซึ่งรัฐบาลย้ำว่าได้เปิดกว้างให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนมาได้ภายใต้กฏเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณะสุข
โดยตั้งแต่เกิดวิกฤติระบาดโควิด-19 สภาอุตสาหกรรมฯ ได้เข้าช่วยเหลือทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมมาโดยตลอด และได้ริเริ่มให้มีการสำรวจความต้องการวัคซีนในภาคเอกชนเพื่อเป็นทางเลือก จากการที่รัฐเปิดโอกาสให้เอกชนนำเข้าวัคซีน ทางสภาอุตสาหกรรรมฯ จะทำหน้าที่ประสานกับภาคเอกชนที่จะนำเข้าวัคซีนรวมทั้งสมาคม โรงพยาบาลเอกชน
สำหรับผู้ที่มีความต้องการเร่งด่วนในการจัดซื้อเพื่อฉีดให้กับพนักงานเอง ขอให้แจ้งความต้องการใน www.fti.or.th เพื่อทางสภาอุตสาหกรรมฯ จะดำเนินการประสานการฉีดวัคซีนกับภาคเอกชนที่นำเข้าวัคซีนโดยเร็ว ในภาคประชาชนทั่วไป และขอเชิญชวนให้มาลงทะเบียนในแอพพลิเคชั่น "หมอพร้อม" ซึ่งทางรัฐบาลจะเป็นผู้บริหารวัคซีนให้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป สภาอุตสาหกรรมฯ ขออยู่เคียงข้างทุกคน เพื่อช่วยประเทศฝ่าวิกฤติโควิด-19