หนุ่มเลิกเหล้าได้ 3 ปี หวลกลับมาดื่มอีกครั้งเมาฟิวส์ขาดทะเลาะกับแฟนสาว อาละวาดระรานพังบ้านชาวบ้าน สุดท้ายโดนรุมสกรัม ตำรวจ กู้ภัยเข้าไปตรวจสอบ โดนดร่ากราด แม้กระทั่งผู้ใหญ่บ้านก็โดนด้วย ตำรวจตั้งข้อหาอ่วม มั่วสุมดื่มสุราก่อความวุ่นวายบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืนและไม่สวมแมส นอกเคหะสถานอีกด้วย เมื่อเวลา 05.30 น. ของวันที่ 29 เมษายน 2564 ร้อยตำรวจโท วรท ทวีสุข รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บ้านบึง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีคนเมาสุราอาละวาดบุกบ้านและทำลายข้าวของชาวบ้านจนก่อเหตุทะเลาะกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในซอยที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต. หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี หลังจากรับแจ้ง กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจหนองชาก หนองบอนแดงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชายฉกรรจ์ 3 คน กำลังเอะอะโวยวายเดินวนไปเวียนมาอยู่กลางถนน ตะโดนท้าทายชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงขอให้สงบสติอารมณ์ และพยายามสอบถามทราบชื่อนายสายชล ประเสริฐสวัสดิ์ อายุ 30 ปี นายศิริชัย เมฆา อายุ 26 ปี และนายจิรายุวัฒน์ เซี๊ยะรัมย์ อายุ 24 ปี ทั้งหมดเป็นชาว อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ อาชีพช่างติดตั้งเครื่องทำความเย็นโรงงานในเขต อำเภอพนัสนิคม ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ แสดงพฤติกรรมกร้าวร้าวท้าทายตลอดเวลา เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวได้ยื่นหน้าเข้าหากล้องพร้อมกับพูดว่า "ถ่ายไว้เลย นี่ไงผมถูกระเบิดปาใส่หน้า ผมเป็นฝ่ายถูกกระทำ ผมเป็นคนเจ็บผมไม่ผิด" ผู้สื่อข่าวถามต่อไปอีกว่า ก่อนเกิดเหตุทำอะไรกันอยู่ ก็ได้รับคำตอบว่า ตนเองพร้อมพวกนั่งดื่มสุรากันอยู่ได้มีปากมีเสียงกับแฟนสาว ฝ่ายแฟนสาวได้เดินหนีไป แต่ไม่ทราบว่าไปไหน ตนจึงเดินออกมาตามหาที่บ้านตรงข้าม ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ลูกชายเจ้าของบ้านหลังแรกออกมาจึงเกิดชกต่อยกัน ส่วนบ้านหลังถัดไปก็ตะโกนต่อว่าท้าทายจึงเดินเข้าไปจนเกิดมีเรื่องชกต่อยกันกับผู้ชายในบ้าน และผู้หญิงอีก 2 คน จากนั้นก็เดินออกตามหาแฟนสาวต่อจนกระทั่งมีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 6 คน เข้ามาที่เกิดเหตุและอ้างว่าถูกปาระเบิดใส่จนได้รับบาดเจ็บ อีกไม่กี่อึดใจก็มีผู้ชายร่างอ้วนใหญ่เข้ามาไล่วัยรุ่นกลุ่มนั้นออกไป และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมตน จนเกิดเป็นภาพอย่างที่เห็น ตนเองยอมรับว่าเลิกเหล้ามาได้สามปีแล้ว พึ่งจะมาดื่มอีกครั้งก็วันนี้ ทางด้านนางสาวอารีย์ พาที อายุ 52 ปี ผู้เสียหายเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 122/12 หมู่ 3 ต.หนองอิรุณ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านที่ผู้ก่อเหตุมาเช่าพักอาศัยอยู่เล่าว่า ตอนนั้นตนเองได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เหมือนคนทะเลาะกัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังอยู่หน้าบ้าน จึงออกมาดู พบนายสายชล เดินเข้ามาเขย่าประตูบานเลื่อนแบบกระจกจนพังเสียหาย ลูกชายที่นอนอยู่ตื่นขึ้นมาเห็นเข้าจึงต่อว่าและเกิดการชกต่อยแต่ก็พลาดท่า ถูกถีบและถูกต่อยก่อนจะวิ่งหนีเอาตัวรอดไป ส่วนทางด้านนางสาวสโรชา พันธุประการ อายุ 28 ปี แฟนสาวของนายสมเจต พันธุประการ ผู้เสียหายที่ถูกนายสายชล และพวกเข้ามาทำร้ายจนบาดเจ็บถึงภายในบ้านเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า แฟนของตนเองเห็นนายสายชล และพวกบุกรุกเข้าไปพังประตูบ้าน และชกต่อยกับลูกชายของ นางสาวอารีย์ จึงร้องตะโกนห้ามให้หยุด นายสายชล จึงเดินมาหาถึงในบ้านและเข้ามาชกต่อยกับแฟนของตนเอง ภายหลังพรรคพวกที่เหลืออีก 2 คน วิ่งตามมาสมทบ หนึ่งในสองคนที่มาภายหลังใช้เหล็กตีศรีษะของแฟนตนเอง ก่อนที่จะแยกย้ายไป จนกระทั่ง มีกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านเข้ามาที่เกิดเหตุ แต่ก็ถูกผู้ใหญ่บ้านห้ามเอาไว้ ไล่กลับไป ส่วนกลุ่มของนายสายชลก็กลับมาใช้ของแข็งทุบตีกระจกบานเกล็ดแตกเสียหาย แฟนหนุ่มได้เดินทางไปหาหมอต้องเย็บศรีษะที่แตกถึง 5 เข็ม ด้านนายมานิตย์ อาชีพเจริญพร อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 เจ้าของพื้นที่ และมีบ้านพักอยู่ภายในซอยเดียวกันเล่าว่า ตนเองได้ยินเสียงดังโวยวายจึงเดินออกมาดูพบว่ากลุ่มของนายสายชล ที่มาเช่าบ้านพักหลังนี้อยู่ได้ประมาณ 2 เดือน กำลังจะทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน ตนเองจึงขอร้องให้กลุ่มวัยรุ่นแยกย้ายไป และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยระงับเหตุ เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มนายสาชล พูดคุยไม่รู้เรื่องขาดสติ ไล่ติดตามเอาเรื่องวัยรุ่นลูกบ้านตน นายสายชล ได้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวด่าทอตนเองรวมทั้งเจ้าหน้าที่ สาเหตุก็น่าจะเกิดจากความมึนเมาขาดสติ จากมีปากเสียงกับแฟนสาว ภายหลังแฟนสาวหลบหนีไปที่อื่นจึงตามหา จนกระทบกระทั่งกับชาวบ้านในระแวกนั้นจึงบานปลายเป็นการกระทำที่ขัดต่อ พรก.ควบคุมการแพร่เชื้อโรคระบาดโควิด ถ้านายสายชล และพวกจะสำนึกผิดตนก็พร้อมให้อภัย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมทั้ง 3 คน มาดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งห้ามมั่วสุมตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี โดยเป็นการกำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านบึง เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย และเป็นคดีตัวอย่าง ออกนอกเคหะสถานไม่สวมหน้ากากอนามัยอีกด้วย