หมายเหตุ : "ศ.ดร. สุรชัย ศิริไกร" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ "สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์" ถึงปัญหาในการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาล รวมถึงวิเคราะห์กรณีการเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกเพื่อแสดงความรับผิดต่อการบริหารงานผิดพลาด
การออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องกดดันต่อการแก้ปัญหาโควิด-19 จากหลายฝ่ายที่มีต่อรัฐบาล เวลานี้เป็นอย่างไรบ้าง
มองว่าไม่ใช่แค่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพียงอย่างเดียว แต่เป็นทั้งรัฐบาลรวมทั้งพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย ซึ่งนายอนุทินเองก็ออกมาระบุว่าการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่นายกรัฐมนตรี และนายกฯ เองเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ดังนั้นการที่มีคนออกมาเรียกร้องเรื่องที่รัฐบาลมีการดำเนินมาตรการโควิด-19 ล่าช้านั้น จึงไม่ใช่แค่นายอนุทินคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบ แต่รัฐบาลต้องรับผิดชอบร่วมกัน โดยเฉพาะนายกฯ
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งคือการจัดซื้อวัคซีนไม่เพียงพอ และดำเนินการจัดซื้อช้า ซึ่งนี่เป็นปัญหา อาจจะเป็นเพราะรัฐบาลประมาทคิดว่าอาจจะระบาดไม่ถึงเรา หรืออาจจะหายไปในรอบที่ 2 นอกจากนี้ประเด็นที่น่าสนใจคือทำไมเราไม่ซื้อวัคซีนซิโนแวค จากประเทศจีน ซึ่งเราเพิ่งจะมีการสั่งซื้อเข้ามาในตอนหลัง ทั้งที่ประเทศจีนมีวัคซีนและบริจาคให้ประเทศยากจนร้อยกว่าประเทศ ดังนั้นจึงมีคำถามว่าทำไมประเทศไทยไม่ติดต่อกับประเทศจีน ซึ่งทางรัฐบาลไทยอาจจะอ้างถึงประสิทธิภาพของวัคซีนจากประเทศจีนต่ำกว่าของสหรัฐอเมริกา และยุโรป
แต่อย่างไรก็ดีถือว่าวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งร้อยกว่าประเทศที่จีนบริจาคให้เขาก็ใช้กัน ดังนั้นจึงแปลกใจมากว่าถ้าเราตัดสินใจซื้อวัคซีนจากจีน เราน่าจะได้วัคซีนตั้งแต่ปีที่ผ่านมาแล้ว นี่จึงเป็นคำถามที่ต้องถามรัฐบาลว่า ทำไมเราไม่ใช้วัคซีนซิโนแวค
"เมื่อเปรียบเทียบประเทศเรากับประเทศสิงคโปร์จะเห็นว่าประเทศเขาได้รับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว มีการจัดซื้อวัคซีนอย่างรวดเร็วทำให้เป็นประเทศที่เกือบจะไม่มีปัญหาเรื่องโควิด-19 เลย ดังนั้นการตัดสินใจอะไรของรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ถือว่ายอดเยี่ยม อีกประเด็นคือหลายคนอาจจะบอกว่าไม่ไว้ใจวัคซีนจีน แต่จะเห็นได้ว่าประเทศอาเซียนที่ใช้วัคซีนจีน เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มีการออกข่าวทั่วโลกว่าฉีดวัคซีนซิโนแวค จากประเทศจีนไปเป็นเดือนแล้ว แต่ของไทยเพิ่งจะได้ในเดือนนี้ และได้มาในจำนวนที่น้อย
สิ่งเหล่านี้เป็นความผิดพลาด อาจจะเป็นการประมาทเลินเล่อของรัฐบาล ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้วของเราอาจจะทำได้ดีกว่าประเทศอินเดียนิดหนึ่งแต่แพ้ประเทศอื่นในอาเซียน ซึ่งผมไม่โทษใคร แต่คิดว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลทั้งชุด โดยเฉพาะนายกฯ ต้องรับผิดชอบด้วย"
ทั้งนายกฯ และนายอนุทิน จะฝ่าสถานการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างไร จะตัดสินใจลาออกหรือไม่
ผมไม่ทราบ แต่ปัญหาทั้งหมดจะหนักอยู่ที่ทีมแพทย์ทั้งหลายที่ต้องทำงานกันอย่างเหนื่อยมาก เพราะการทำงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล การตัดสินใจล่าช้า ต้องไปหาเอาเองว่าเป็นความผิดของนายกฯ หรือนายอนุทิน แต่โดยทั่วไปแล้ว เราต้องบอกว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารสถานการณ์ไม่ดีเท่าที่ควร การตัดสินใจมองอนาคตผิดพลาดทั้งหมด ดังนั้นภาระจึงตกอยู่ที่ทีมแพทย์ และบุคลากรทางแพทย์ทั้งหลาย รวมถึงประชาชนซึ่งจริง ๆ แล้ว รัฐบาลน่าจะทำได้ดีกว่านี้
"แต่ความจริงแล้วนายกฯ สมควรที่จะตัดสินใจลาออก เพราะอยู่มานานเกินไปแล้ว เขาเข้าการปฏิวัติมาสู่ปีที่ 6 กว่าแล้ว คุณบอกว่าปฏิวัติแล้วทำไมถึงอยู่ต่อ คุณเองก็เป็นคนร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้มาเพื่อทำให้ตัวเองอยู่ได้ ให้มีการแต่งตั้งโดยไม่ต้องเลือกตั้งนายกฯ เป็นฝีมือใคร ก็ฝีมือพวกคุณ
ดังนั้นจึงได้คณะรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านโควิด ผมไม่อยากวิจารณ์อะไรรุนแรงเกินไป แต่เราก็รู้กันว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ และที่สำคัญไม่ว่าจะมาโดยการแต่งตั้งหรืออะไรก็ตาม คณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงทีมงานของรัฐบาลทั้งหลาย เมื่อทำงานล้มเหลวหรือไม่ดีแล้ว เมื่อเจอภาวะจริง ๆ ในการตั้งรัฐบาลควรจะหาคนที่มีความรู้มาช่วยในการวางแผน"
ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าตั้งแต่มีโควิด-19 ขึ้นมา รัฐบาลได้จัดตั้งทีมที่ปรึกษาทางแพทย์ที่มีความรู้ทางแพทย์ตั้งแต่แรกเริ่มหรือไม่ เราเพิ่งมาเห็นแพทย์ที่ออกมา อย่างโฆษก ศบค.ในระยะหลังเอง ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันเกิดมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ซึ่งเราก็รู้ว่าเริ่มระบาดตั้งแต่ประเทศจีนไปจนยุโรป คิดว่าถ้ารัฐบาลชุดนี้มีคนที่รู้จัก ใช้คน ใช้ที่ปรึกษาที่มีความรู้เรื่องโรคระบาดตั้งแต่แรกเริ่มก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้
การเรียกร้องให้นายกฯ และนายอนุทิน ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งการล่าชื่อของกลุ่ม "หมอไม่ทน" จะยุติลงอย่างไร
คิดว่าคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะอย่างที่บอกว่าบุคลากรทางแพทย์เขาจะตายกันอยู่แล้ว ทำงานหนักมาก ดังนั้นทั้งนายกฯ และนายอนุทินต้องรับผิดชอบ ควรจะลาออก ซึ่งเราสามารถเข้าใจเหตุผลได้ว่าทำไมถึงมีการเรียกร้องให้ลาออก นั้นเพราะคุณทำงานล่าช้า ทำงานไม่ตรงเป้า แล้วทำให้พวกหมอเขาจะตายกันอยู่แล้ว จึงไม่แปลกใจ
หากจะให้เปรียบเทียบเรื่องเรียกร้องให้ลาออก ที่เคยเกิดขึ้นกับอดีตนายกฯ หลายคนที่ผ่านมา มองว่าครั้งนี้ รุนแรงมากกว่าหรือไม่
รุนแรง เพราะถือว่าเห็นผลชัดเจน รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขหรือรับมือกับปัญหานี้ได้ดีเท่าที่ควร และปัญหามีชัดเจนมาก แต่ก็ถือว่าพอ ๆ กัน สมัยก่อนเราเรียกร้องให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลาออก เพราะมีปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน ตอนนี้รัฐบาลชุดนี้ก็มีปัญหาคือรัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 หรือบริหารจัดการไม่ดี มันก็มีเหตุผลที่เรียกร้องให้ต้องลาออก ซึ่งจะไปโทษที่คนร้องเรียนไม่ได้ ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะตัดสินใจลาออกแล้วให้มีรัฐบาลที่ดีกว่านี้เข้ามาบริหารได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปคุยกันอีกที
ทั้งการบ้าน และการเมือง กำลังโถมเข้าใส่พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาลจะต้องทำอะไร เป็นอันดับแรก
ตอนนี้เราจะเห็นปัญหาเรื่องโควิด-19 รัฐบาลถ้าไม่มีการตั้งครม.ใหม่ ก็ควรจะเชิญผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหาร และมีบทบาทอย่างจริงจัง รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจด้วย ควรจะหามือเศรษฐกิจที่เป็นมืออาชีพจริง ๆ เข้ามาเป็นที่ปรึกษา นี่น่าจะเป็นทางออกที่รวดเร็วที่สุด เพราะหากมีการลาออก มีการเลือกตั้งใหม่ก็ถือว่าช้ามาก ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรจะทำคือจะตั้งที่ปรึกษาที่มีความรู้เกี่ยวกับปัญหาในปัจจุบันจริง ๆ นั่นคือปัญหาเรื่องโควิด-19 ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาเรื่องการช่วยเหลือคนจนที่ได้รับความยากลำบากมากที่สุดได้อย่างไร มองว่าต้องหาคนที่มีความรู้ด้านนี้จริง ๆ เข้ามา อย่างน้อยเป็นทีมที่ปรึกษาหรืออาจจะเรียกว่าทีมเฉพาะกิจ
มองว่าทีมที่มีอยู่ขณะนี้ยังไม่มีประสิทธิภาพพอในการแก้ปัญหา
ยังไม่ดีเท่าที่ควร น่าจะดีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรืออะไร น่าจะมองหาว่าจะมีใครที่เก่งกว่านี้อีกหรือไม่ จริง ๆ แล้วความล่าช้าเกิดจากการตัดสินใจที่ล่าช้าในการหาวัคซีน นี่คือปัญหาที่สำคัญที่สุด ดังนั้นไม่เข้าใจว่าเรามีความใกล้ชิดกับจีนมากแต่ทำไมไม่ซื้อวัคซีนจากจีนตั้งแต่ปีที่แล้ว เรื่องนี้รัฐบาลจะต้องอธิบาย ซึ่งถ้าไม่สามารถอธิบายได้ จะมีหน้าอยู่ได้อย่างไร จะเอาหน้ามาเสนอประชาชนได้อย่างไร จะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจได้อย่างไร
ในขณะที่เราจะเห็นว่าประเทศสิงคโปร์หรือประเทศอื่นเขาป้องกันได้ดีกว่าเรา รวมทั้งอินโดนีเซีย เขาก็มีการฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ไทยยังมัวคิดว่าวัคซีนของอเมริกาดีที่สุดแต่ประเด็นคือเขาขายคุณหรือไม่ คุณซื้อได้หรือไม่ ซึ่งเขาก็ต้องเอาคนของเขาก่อน และประเทศยุโรปเขาสั่งกันทีมากเป็น 2 เท่าของประชาชนด้วยซ้ำไป นี่คือประเด็นที่มองแล้วไม่เข้าใจเลยว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่
แรงกดดันที่นายอนุทิน กับพรรคภูมิใจไทยได้รับ คิดว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีกหรือไม่ และจะทำให้กลายเป็นประเด็นการเมืองตามมาอีกหรือไม่
มันขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ ถ้าเหตุการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่านี้ แรงกดดันก็อาจจะมี แต่ถ้าเกิดปัญหาแพร่กระจายไปมากขึ้น คนเดือดร้อนมากก็คิดว่าการต่อต้านจะมีมากขึ้น
มองว่าในยามวิกฤติแบบนี้ ส.ส.ควรช่วยเหลือ และสนับสนุนอะไรได้บ้าง มากกว่าการวิพากษ์วิจารณ์กันไปมา
เรื่องนี้ช้าไปแล้ว แต่ประเด็นคือน่าจะลองสำรวจหาความเห็น หาผู้เชี่ยวชาญที่มีอยู่ในประเทศไทยให้เขามาเป็นที่ปรึกษา เข้ามาช่วยแก้ปัญหา และศึกษามาตรการต่างประเทศอย่างที่เขาใช้กันแล้วได้ผล เอาความรู้ องค์ความรู้ต่าง ๆ หรือเอาคนที่มีความรู้ต่าง ๆ เข้ามาช่วยงาน เพราะอย่างที่บอกว่าถ้าจะไปเลือกตั้งใหม่ก็ใช้เวลาหลายเดือน แต่ถ้าสามารถเชิญคนที่มีความรู้มาเป็นที่ปรึกษาพิเศษหรือตั้งทีมงานเฉพาะกิจขึ้นมา เรื่องนี้ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็วกว่า และเชื่อว่าคนที่มีความรู้เหล่านั้น ถ้าเขารู้จริง และถ้ารัฐบาลเชิญ เขาก็ยินดีจะช่วยชาติ
รวมทั้งนโยบายเศรษฐกิจด้วย เพราะจะเห็นว่านักการเมืองเราก็รู้ว่าพวกนี้เป็นนักการเมืองไม่ได้มีความรู้จริงจัง รวมทั้งการโยกย้ายส.ส. อะไรต่าง ๆ เราก็ไม่อยากจะยุ่ง เพราะการพูดแบบนั้นเป็นการพูดแบบนักการเมืองไม่ใช่ผู้บริหารประเทศที่มีความสามารถ เพราะฉะนั้นปัญหาเฉพาะหน้าเราคือทำอย่างไรที่จะป้องกันวิกฤติโควิด-19 คราวนี้ให้ได้ดีที่สุด และเร็วที่สุด ส่วนนักการเมือง หรือ ส.ส. เท่าที่ฟังดูคงไม่มีใครมีความรู้อะไรเท่าไหร่ในเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องการความรู้เฉพาะด้าน

