สุดแสบแม่ชีลวงโลกถูกพี่สาวแฉเพิ่มอีก เคยหลอกเอาบ้านพร้อมที่ดินมรดก ไปขายฝาก จนแม่ กับพี่น้อง ถูกยึดบ้าน ต้องต่อสู้คดีถูกไล่ที่ ก่อนหนีไปบวชตั้งตัวเป็นภิกษุณี อริยบุคคล รวมหัวกับแม่ชีร่วมแก๊ง ตั้งกองทุนผ้าป่าลวงโลก ตำรวจเร่งสอบขยายผล พบผู้เสียหายกว่า 400 ราย มูลค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท รวบแก๊งแม่ชีแล้วรวม 5 คน ส่งฝากขัง ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
เมื่อวันที่ 29 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี แม่ชีลวงโลก หรือ ภิกษุณีเก๊ ห่มจีวรแดง ที่ตั้งตัวเป็นอริยสงฆ์ ร่วมกับ แก๊งแม่ชี ตั้งกองทุนผ้าป่าลวงโลกตระเวนหลอกขายให้ชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.ปลาปาก รวมถึง อ.เมือง และ อ.ท่าอุเทน โดยมีการคืนกำไรตอบแทนลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ มีทั้งกองทุนตอบแทนเป็นเงินสด กับกองทุนผ้าป่าตอบแทนเป็นทองคำ จนกระทั่งมีคนตกเป็นเหยื่อ สุดท้ายไม่ได้เงินคืน ทั้งต้นทุนและผลกำไร จึงมีผู้เสียหาย แห่เข้าไปแจ้งความดำเนินคดี จนภายหลังตำรวจ ชุดสืบสวนจังหวัดนครพนม ร่วมกับ ตำรวจท้องที่เกดเหตุ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับ นางสาวอิสรีย์ หรือพระยาธรรมมิกราช อินทร์ไชยา หรือแม่ชีอู๋ อายุ 49 ปี ซึ่งตั้งตนเป็นภิกษุณีเจ้าสำนัก อาศัยอยู่ภายในสำนักปฏิบัติธรรม วิปัสสนา พระพุทธสิกขี ตั้งอยู่ เลขที่ 210 หมู่ 1 บ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมขยายผล ดำเนินคดี แม่ชีร่วมแก๊ง อีก 4 ราย คือ 1.นางดรุณี จันทะนาม อายุ 45 ปี หรือแม่ชีทองพูน 2. นางสาวไพลิน สุนทรสุวรรณ อายุ 31 ปีหรือแม่ชีการ์ตูน 3. นางสาวมะลิวัลย์ เขื่อนขันธ์ อายุ 28 ปีหรือแม่ชีกาเต้ และ 4. นางกิติยา ชัยสุนิกร อายุ 46 ปี เป็นฆราวาส ทั้งผู้ต้องหาในคดี ทั้งหมด 5 คน ซึ่งแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน ทางตำรวจได้นำตัวไปเสนออนุมัติของฝากขังที่ศาลจังหวัดนครพนม ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากมีผู้เสียหาย เป็นจำนวนมาก ส่วนการดำเนินคดีของตำรวจล่าสุด มีผู้เสียหายประมาณ 400 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท บางราย สูงเงินกว่า 1-2 แสนบาท
ล่าสุดทางผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ไปสอบถามติดตามความเคลื่อนไหว ของครอบครัว แม่ชีลวงโลก ทางด้าน นางสาวนภา อินทร์ไชยา อายุ 52 ปี พี่สาว นางสาวอิสรีย์ หรือพระยาธรรมมิกราช อินทร์ไชยา หรือแม่ชีอู๋ ออกมาให้ข้อมูลว่า เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา แม่ชีอู๋ ห่มแดง ได้เดินทางกลับมาที่บ้านพัก ต.หนองญาติ จ.นครพนม หลังออกจากบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่เรียนมัธยม มีพี่น้อง 4 คน เป็นลูกคนสุดท้อง เคยมีครอบครัว มาก่อน แต่เลิกกับสามีเมื่อหลาย 10 ปีที่แล้ว แต่ไม่มีลูก ภายหลังกลับมาอยู่บ้าน ทำค้าขายอาหารตามสั่ง ขายของชำ สักระยะ อ้างว่าจะมาดูแลแม่ คือ นางสอง อินทร์ไชยา อายุ 85 ปี ต่อมาได้หันไปเข้าวัดปฏิบัติธรรม แต่ช่วงที่อยู่กับแม่เกิดเรื่องขึ้น เพราะแม่ชีอู๋ ออกอุบายหลอกให้แม่เซ็นแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก เพื่อจะไปดำเนินการแบ่งที่ดิน คือที่บ้าน 57 ตารางวา ให้กับพี่น้องรวม 4 คน จากนั้นไม่นานเมื่อแม่เซ็นเอกสารแต่งให้แม่ชีห่มแดงเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนนำบ้านที่ดินไปขายฝากกับนายทุนเอกชน ในราคา 5 ล้านบาท ซึ่งครอบครัว ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านพร้อมที่ดินตรงนี้ถูกขายไปแล้ว จนกระทั่งมีนายทุนมาแจ้งความขับไล่ที่ จนมีการต่อสู้คดีในชั้นศาล ถึง 2 ศาล แต่แพ้ทั้ง 2 ศาล อยู่ระหว่าง ชั้นฏีกา ไม่รู้อนาคตจะมีที่ซุกหัวนอนหรือไม่ เหลือความหวังเพียงน้อยนิด ที่จะได้บ้านพร้อมที่ดินของครอบครัวกลับคืนมา และถ้าหากโชคร้ายศาลฎีกา ตัดสินให้แพ้คดี เธอกับแม่ก็ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน ไปขอพักอาศัยอยู่ตามบ้านญาติ ซึ่งก็ลำบากไม่แพ้กัน ส่วนเรื่องของคดี แม่ชีอู๋ ให้รับผิดตามกฎหมาย ไม่ขอยุ่งเกี่ยว