วันที่ 28เม.ย.64 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมาย พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันแถลงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออก ว่า เขาแถลงแบบนี้มาตั้งแต่หลังเลือกตั้งมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพูดโดยสิ่งที่ตนเองต้องการอยากจะทำ ซึ่งก็ไม่น่าจะทำได้ เพราะไม่น่าจะผ่านความเห็นชอบพ้องต้องกันของสมาชิกสภา เป็นความต้องการที่ไม่น่ามีผลอะไร
นายไพบูลย์กล่าวว่า ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญได้นั้นต้องคำนึงถึงสมาชิก ส.ส.และ ส.ว.ที่จะต้องออกเสียง ให้ความเห็นชอบว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากมีผู้เห็นด้วยถูกต้องเพียงพอตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดก็สามารถแก้ไขได้ แต่หากจะเอาความต้องการของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือพรรคใดพรรคหนึ่งไม่สำเร็จ เช่น การจะไปได้ประโยชน์และไปลดอำนาจฝ่ายอื่นเขา ก็แก้ไม่ได้ เขาก็มีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วย
เมื่อถามว่า จากที่พรรคก้าวไกล ยืนยันว่าจะไม่รับข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่นายไพบูลย์เสนอ ในส่วนนี้มีความคิดเห็นหรืออยากจะสื่อสารอะไรไปถึงพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า พรรคก้าวไกลคงไม่อยากให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพราะเขาคงรู้สึกเสียผลประโยชน์ เพราะเขาได้ผลประโยชน์จากใบเลือกตั้งแบบใบเดียว
“ดังนั้น เมื่อเขาได้ผลประโยชน์จากบัตรใบเดียว เขาก็ไม่อยากแก้ พอเราจะแก้ไขเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเขาก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งการไม่เห็นด้วยของพรรคก้าวไกลไม่ได้ทำให้การแก้ไขและฝ่ายอื่นไม่เห็นด้วย หากมีฝ่ายที่เห็นด้วยเพียงพอก็ผ่าน พรรคก้าวไกลมีถึง 50 เสียงใน 750 เสียงหรือไม่” นายไพบูลย์ กล่าว
เมื่อถามต่อว่า พรรคก้าวไกลก็เคยเสนอให้มีบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบเหมือนกัน นายไพบูลย์กล่าวว่า บัตรเลือกตั้ง 2 ใบแบบพรรคก้าวไกลเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย ไม่เอาด้วย พรรคเพื่อไทยคงอยากจะได้บัตร 2 ใบ แบบเขต 400 และคำนวณแบบที่เคยทำในรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 ซึ่งจะเหมือนกับที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ จึงอยากให้พรรคก้าวไกลไปคุยกับพรรคเพื่อไทยให้จบก่อน
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า บัตรเลือกตั้ง 2 ใบแบบคำนวณสัดส่วน มีข้อยุ่งยากอย่างมาก สมัยที่ตนเป็นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญฯ ตนร่างอยู่ ตนรู้ ซึ่งบัตรเลือกตั้งแบบที่พรรคก้าวไกลเสนอเป็นการคำนวณที่ยุ่งยากกว่าบัตรใบเดียว