"พงศ์เทพ รัตนแสงสรวง" แม่ทัพใหญ่ “พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง” สุดปลื้ม นักลงทุนให้การตอบรับอย่างอบอุ่น ในการซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในพิธีเปิดการซื้อขายแบบ New Normal โดยราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 4 บาท ให้ผลตอบแทนนักลงทุน 100% จากราคาไอพีโอ 2 บาท และราคาปรับขึ้นไปสูงสุดของวันนี้ที่ 5 บาท คาดเป็นผลจากความเชื่อมั่นในธุรกิจที่มีแผนชัดเจน ปัจจุบันมี Backlog ทำสถิติใหม่อยู่ที่ระดับ 2,000 ล้านบาท ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุน จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพในการเข้าประมูลงานขนาดใหญ่ แถมจ่อรอเข้าประมูลงานภาครัฐที่มีโครงการเมกะโปรเจ็กต์จำนวนมาก ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทำนิวไฮแตะระดับ 1,400 ล้านบาท ส่วนนโยบายการจ่ายปันผลอยู่ในระดับที่สูงถึง 50% ด้าน “คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่” และ "บล.เคจีไอ" เผยนักลงทุนยังให้ความสนใจลงทุนในหุ้นไอพีโอที่มีความโดดเด่น ย้ำความเชื่อมั่น PROS จะเป็นอีกหุ้น Growth Stock ที่น่าจับตามองในระยะยาว
น.ส.พัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) (PROS) เปิดเผยว่า รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับผลตอบรับการซื้อขายหุ้นเป็นวันแรกของ PROS ในวันที่ 27 เมษายน 2564 และพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ในวันนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในการจัดพิธีเปิดการซื้อขายผ่านออนไลน์แบบ New normal เพื่อปฎิบัติตามมาตรการในสถานการณ์โควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยราคาหุ้น PROS ได้รับการตอบรับจากนักลงทุน มีราคาเปิดการซื้อขายอยู่ที่ 4 บาทต่อหุ้น ให้ผลตอบแทนนักลงทุน 100% จากราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2 บาทต่อหุ้น และราคาปรับขึ้นไปสูงสุดของวันนี้ที่ 5 บาทต่อหุ้น และปิดตลาดที่ 3.36 บาทต่อหุ้น ด้วยมูลค่าการซื้อขายประมาณ 2,330.90 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสม ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพในการเติบโตในอนาคต และเชื่อว่า PROS จะยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ
นายพงศ์เทพ รัตนแสงสรวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่งจำกัด (มหาชน) หรือ PROS เปิดเผยว่า วันนี้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทได้ซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพ์และก่อสร้าง และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างอบอุ่น น่าประทับใจ เชื่อว่าเป็นผลจากปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ พร้อมที่จะพัฒนาศักยภาพและการเติบโตต่อไปในอนาคต เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการประมูลงานโครงการใหญ่ ผลักดันผลการดำเนินงานให้มีโอกาสเติบโตได้ก้าวกระโดดในปี 2564 และต่อเนื่องในปี 2565 โดยเฉพาะงานภาครัฐบาลที่มีโครงการเมกะโปรเจ็กต์จำนวนมาก รวมทั้งกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล และกลุ่มอื่นๆ ที่เข้ามาสนับสนุนให้สัดส่วนธุรกิจมีการกระจายความเสี่ยงได้อย่างดี
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ระดับ 2,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานที่บริษัทฯ รับตรงจากลูกค้า หรือรับงานจากลูกค้าชั้นนำในตลาด และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 1,300-1,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป สำหรับสัดส่วนงานของบริษัทฯ แบ่งเป็นภาคเอกชน 80% ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ก็ยังมีการขยายงานต่อเนื่อง และงานภาครัฐบาลอยู่ที่ระดับ 20% โดยบริษัทฯ มีนโยบายขยายไปยังงานภาครัฐมากขึ้น หรืองานระยะยาวที่มีการลงทุนสูง จึงตั้งเป้าในช่วง 3-5 ปีจากนี้ สัดส่วนงานภาครัฐบาลจะกลายเป็นสัดส่วนหลัก หรือมีสัดส่วนมากกว่า 50% พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตแตะ 1,400 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และในปีต่อๆไปคาดจะเติบโตในระดับ 15% ต่อเนื่อง
“หลังจาก PROS เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ ทีมผู้บริหารเรามุ่งมั่นขยายธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลที่ดี เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จะทำให้กลุ่มบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนที่มากขึ้น และขยายขีดความสามารถในการประมูลงานและรับงานก่อสร้างของกลุ่มบริษัทได้มากขึ้น โดยบริษัทมีแผนเข้าประมูลงานเพิ่มเติมอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้มูลค่าราว 8,000-9,000 ล้านบาท โดยจะเน้นรับงานภาครัฐ และมีศักยภาพในการเลือกรับงานระยะยาวที่มีการลงทุนสูง นอกจากนี้ บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายปันผลที่ดีในอัตรา 50% ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินการจ่ายปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด” นายพงศ์เทพ กล่าว
นายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยถึงความมั่นใจ PROS เป็นอีกหุ้นพื้นฐานแกร่ง ที่สามารถสร้างการเติบโตที่ดีต่อเนื่องในอนาคต และจุดเด่นจากความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหารในฐานะผู้ให้บริการงานวิศวกรรมประกอบอาคารที่มีประสบการณ์ 24 ปี มีลูกค้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ งานโครงการที่ผ่านมามีชื่อเสียงและได้รับยอมรับ แม้ปีที่ผ่านมาและในปีนี้ บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทฯ พิสูจน์ผลงานจากผลประกอบการที่ประกาศออกมาในปี 2563 PROS โดดเด่นในการทำกำไร เมื่อเทียบกับบริษัทที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมเดียวกัน ขณะที่แผนธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าประมูลงานใหม่ๆ โดยเฉพาะงานภาครัฐ พร้อมมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและการขยายฐานลูกค้าใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจและรับงานที่มีมูลค่าสูงได้ เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว