เมื่อวันที่ 27 เม.ย.นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 1.รู้สึกแปลกใจมากที่ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้เรียกร้องให้ประชาชนนำเงินออมออกมาใช้จ่าย 4-5 แสนล้านบาท แล้วคิดว่าจะเพิ่ม รายได้ประชาชาติ (GDP) ได้ถึง 4% 2.เงินออมของประชาชนส่วนใหญ่ฝากไว้ในสถาบันการเงิน ซึ่งได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย และสถาบันการเงินก็ได้นำเงินเหล่านั้นไปปล่อยกู้ เพื่อทำให้เกิดการลงทุนรวมในประเทศอยู่แล้ว เงินออมไม่ได้กองอยู่เฉยๆ ซึ่งการออมรวมเท่ากับการลงทุนรวมเสมอ (S = I) 3.รายได้ประชาชาติ (GDP) ก็คือผลบวกของ การบริโภค (C), การลงทุนรวม (I), การใช้จ่ายของรัฐบาล (G), และการส่งออกสุทธิ (X-M) หากรัฐบาลจะให้ประชาชนนำเงินออมออกมาบริโภค ก็จะทำให้การลงทุนรวมลดลง จึงไม่ทำให้ GDP เพิ่มขึ้นได้4.สิ่งที่รัฐบาลเรียกร้องให้ประชาชนนำเงินออมของตัวเอง ออกมาใช้จ่ายบริโภคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้โตนั้น เป็นแนวความคิดที่ผิดทิศทาง จะทำให้ประเทศชาติจะไม่มีอนาคต เพราะมีเงินเท่าไรก็นำไปกินไปใช้จ่ายจนหมด ไม่มีเงินออมเพื่อนำไปสู่การลงทุน
อดีตรมว.คลัง กล่าวต่อว่า 5.การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีและยั่งยืนนั้น คือ การทำให้ประชาชนมีงานดีๆ ทำ ขายสินค้าและบริการส่งออก แล้วได้เงินต่างประเทศมาก็ให้แลกเป็นเงินบาทได้มากๆ ให้ประชาชนมีรายได้มากๆ โดยบริโภคแต่น้อย เก็บออมให้มากๆ เพื่อนำไปลงทุน หากไม่ลงทุนเอง ก็นำไปฝากกับสถาบันการเงินเพื่อให้ผู้อื่นกู้ยืมไปลงทุน ประเทศชาติจะได้เจริญ ประชาชนอยู่ดีมีสุข 6.แต่ข้อเสนอนี้ของรัฐบาลเช่นนี้ จะมีแต่ทำให้ประชาชนยากจนลงไปอีก เพราะปัจจุบันประชาชนก็มีหนี้ครัวเรือนเกิน 90% ของ GDP อยู่แล้ว และ7.รัฐบาลควรหันกลับมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ถูกทิศทาง โดยการสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยและต่างชาติ ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของประเทศโดยรวดเร็ว เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ การระบาดจะได้ลดลงอย่างมาก จะทำให้ประชาชนลดความวิตกกังวล สามารถออกมาใช้ชีวิตได้ตามปรกติ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศก็จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ ซึ่งประเทศอื่นๆ เขาทำกันมากแล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยการใช้นโยบายและวิธีการที่ถูกต้อง ไม่ใช้นโยบายที่ฟังดูแล้วแปลกๆ