นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์เปิดเผยถึงมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ในการรับมือโควิดรอบ 3 ว่า ได้มีการดำเนินการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนทุกระดับ ทั้ง กรอ.พาณิชย์ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการที่กระทรวงพาณิชย์ทุกหน่วยงานกับภาคเอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมผู้ส่งสินค้าทางเรือ และภาคส่วนอื่นๆ ในส่วนของภาคเอกชนเรามีการประชุมหารือร่วมกัน โดยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้มีการดำเนินการ เช่น เร่งรัดการส่งออกปรับเปลี่ยนรูปแบบจากระบบออฟไลน์เป็นระบบออนไลน์ เรื่องการเข้าไปกำกับดูแลควบคุมราคาสินค้าบริการ นอกจากการตรวจตราตามวิธีปกติ โดยพาณิชย์แต่ละจังหวัดเข้าไปดำเนินการแล้วจะมุ่งเข้าไปตรวจสอบอัตราค่าบริการในส่วนของธุรกิจเดลิเวอรี่มากขึ้น เพราะในช่วงโควิดประชาชนมาใช้การส่งเดลิเวอรี่มากขึ้น เพื่อไม่ให้มีการเอาเปรียบเรื่องของราคาค่าบริการกับภาคประชาชน นอกจากนั้นการให้บริการของกระทรวงพาณิชย์ที่มีต่อผู้ประกอบการทุกระดับ ทั้งการจดทะเบียนนิติบุคคล การยกเลิกการแจ้งงบดุล การใช้บริการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ ขณะนี้เป็นการได้มีการปรับรูปแบบมาเป็นการให้บริการออนไลน์ แบบ One Stop Service ให้ได้รับบริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ในเวลารวดเร็วโดยไม่ต้องเดินทางไปที่กระทรวงพาณิชย์ หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอีกต่อไป ได้เปิดให้บริการไปแล้ว 85 บริการ และจะมีการเพิ่มการให้บริการมากขึ้นไป ภายใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับความสะดวก ขณะเดียวกันในส่วนของสำนักงานกระทรวงพาณิชย์ ทั้งสำนักรัฐมนตรี สำนักปลัด กรมต่างๆมีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโควิด และกำชับเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวัง จัดระบบให้เจ้าหน้าที่ Work from Home แบ่งกะกัน โดยปลัดกระทรวงประชุมกับอธิบดีและมอบหมายให้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลไปก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์แล้ว “ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดตรวจตราเรื่องราคาสินค้าต่างๆที่จำหน่ายในภูมิภาค และในกรุงเทพมหานคร ไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบผู้บริโภค สินค้าบางอย่างต้องติดป้ายแสดงราคา บางอย่างถ้าจะมีการขึ้นราคาบต้องขออนุญาต แต่กระทรวงก็ยังไม่อนุญาตในการที่จะไปปรับราคาขึ้นใดๆทั้งสิ้น แต่ที่เน้นเป็นพิเศษ คือ อัตราค่าบริการในช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้พี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ หันมาใช้บริการสั่งสินค้า สั่งอาหารทางเดลิเวอรี่มากขึ้น อันนี้ต้องเข้าไปกำกับดูแลไม่ให้เป็นภาระกับพี่น้องกับประชาชน เพราะเราต้องการสนับสนุนให้พี่น้องประชาชนทำงานที่บ้านและอยู่กับบ้านเป็นด้านหลัก”