เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากที่ไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ต้องขอชมเชยว่ามีการจัดระบบการรองรับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดีมีมาตรฐาน โดยแบ่งเป็นสีแดง สีเหลือง และสีเขียว ซึ่งสีเขียวคือผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อยจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลสนามหรือฮอสพิเทล ส่วนสีเหลืองผู้ป่วยอาการปานกลางจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งจำเป็นต้องจัดหาเตียงว่าง และสีแดงผู้ป่วยอาการรุนแรงต้องได้รับการรับตัวและส่งไปโรงพยาบาลเฉพาะทางอย่างเร็วที่สุด วันนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหน่วยงานอื่นๆ ได้บูรณาการระบบข้อมูลการให้บริการทางการแพทย์ผ่านสายด่วนต่างๆ ได้อาสาสมัครมาช่วยกันรับสาย เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างดีที่สุด วันนี้ได้สั่งการให้จัดเตรียมสถานที่คัดกรองให้มากยิ่งขึ้น เพราะไม่อยากให้ไปแออัดอยู่ตามโรงพยาบาล
เมื่อถามว่า วันนี้ยอดผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มสูงขึ้นถึง 15 ราย ทำให้ประชาชนกังวล จะยังมีผู้ป่วยตกค้าง ไม่ได้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเป็นห่วง ซึ่งประชาชนอาจมีความกังวลว่า คนเหล่านี้ได้รับการติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับการรักษาตัวหรือไม่ ถึงมือแพทย์หรือไม่ และวันนี้รัฐบาลมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร ตนก็ตอบไปว่าได้สั่งการให้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ โดยผู้ป่วยที่ตกค้างอยู่นอกโรงพยาบาลประมาณ 1,400 คน วันนี้ได้รับการแอดมิดแล้ว ซึ่งใช้เวลา เพียง 3 วัน ตรงนี้เป็นยอดตกค้างมาตั้งแต่ช่วงวันสงกรานต์ บางทีก็ยังเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งตนให้กำลังใจกับรองนายกฯ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขและปลัดกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นด่านหน้าหลักของรัฐบาลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า กรณีผู้ป่วยที่เป็นสีเขียวจำนวนมาก ไม่ได้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลสนาม ทั้งที่มีเตียงว่างอยู่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ขอให้ติดต่อมา เพราะต้องมีการคัดกรองให้แน่ใจว่าอยู่ในเกณฑ์สีเขียวและจะนำเข้าโรงพยาบาลสนาม บางครั้งก็ขอให้ติดต่อสอบถามทางออนไลน์ เนื่องจากการติดต่อทางโทรศัพท์อาจจะยังไม่ทั่วถึง ท่านสามารถไปดูได้เลยว่าโรงพยาบาลสนามอยู่ที่ไหน ถ้าหากคิดว่าตัวเองเข้าเกณฑ์ก็ขอให้บอกเจ้าหน้าที่ที่นั้นเขาก็พร้อมรับฟัง เพราะบางครั้งไปตรวจสถานที่เอกชน เขาไม่ได้รายงานเข้ามา ทำให้ขาดความต่อเนื่องของระบบ ฉะนั้นขอความร่วมมือสถานที่ตรวจคัดกรองของเอกชนจะต้องแจ้งข้อมูลว่ามีคนติดเชื้อหรือไม่อย่างไร แล้วเข้ามาสู่ระบบของกระทรวงสาธารณสุข ไม่อย่างนั้นพอคนไปตรวจแล้ว ก็ต้องมารอว่าจะมีใครมาเรียกไปไหม ซึ่งตนให้กระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาตรงนี้แล้ว
เมื่อถามว่า กรณีรถที่รับส่งผู้ป่วยไม่พอ นายกฯ กล่าวว่า ได้สั่งการเพิ่มเติมไปแล้ว ก็ต้องขอขอบคุณภาคธุรกิจ ภาคขนส่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องสายด่วนไม่พอ รถไม่พอ วันนี้เราต้องเคลียร์เรื่องผู้ป่วยสีแดง มีเหลือง สีเขียวให้ได้ จะได้รู้ว่ามีความต้องการใช้ยานพาหนะเท่าไหร่ วันนี้เพิ่มเติมในส่วนของกระทรวงกลาโหมไปให้แล้วส่วนหนึ่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ถ้าไม่พอกระทรวงกลาโหมก็มีทหารเสนารักษ์จำนวนมาก ก็ได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขประสานไปแล้ว ซึ่งหากมีความต้องการให้ช่วยเหลืออะไร ทางกระทรงกลาโหมก็ยินดี
"ทุกปัญหานำสู่การแก้ไข ทุกปัญหานำสู่การพิจารณาหารือ ทุกปัญหารับพิจารณาดำเนินการ ทำแบบนี้ ส่วนเรื่องของความผิดต่าง ๆ ที่เกิดในช่วงที่ผ่านมา ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการสอบสวนทั้งสิ้น การประกอบการธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ผมต้องขอความร่วมมือกลุ่มแพทย์ต่างๆ ให้เข้าใจว่าเราบริหารราชการกันอย่างไร เราน่าจะส่งเสริมกันมากกว่าที่จะมาขัดแย้งกัน ผมเคารพทุกท่านไม่ว่าจะเป็นหมอจากที่ไหนก็ตาม ไม่เช่นนั้นจะทำให้เราถูกมองว่าเราบริหารไม่ได้หรืออย่างไร ผมยืนยันว่าบริหารได้ทุกอย่าง เวลานี้ไม่มีปัญหาอะไรในกระทรวงสาธารณสุข" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการแถลงข่าว ระหว่างที่นายกฯเดินกลับไปห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ผู้สื่อถามว่าได้มีการพูดคุยและให้กำลังใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ภายหลังถูกกดดันอย่างหนักหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถามเพียงแต่พยักหน้า เมื่อถามว่า ส่วนตัวนายกฯเองรู้สึกกดดันหรือไม่ เพราะสังคมก็กดดันนายกฯเช่นกัน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบ ได้แต่ทำหน้านิ่งๆ