นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้(28 เม.ย.) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท.,สภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย จะเข้าหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อเร่งกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้เร็ว โดยเอกชนพร้อมร่วมมือ ทั้งการนำเข้าวัคซีนเพิ่มเติม สถานที่การฉีด อุปกรณ์ต่างๆ เนื่องจากการระบาดโควิด-19 รอบใหม่มีแนวโน้มการติดเชื้อที่มากกว่าทุกรอบ หากยืดเยื้อจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยประเมินมูลค่าเสียหายเดือนละประมาณ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นหากรัฐสามารถฉีดวัคซีนได้ 20-30 ล้านโดสภายในมิ.ย.นี้จะลดความเสียหายต่อเศรษฐกิจได้
สำหรับการแพร่ระบาดโควิด-19รอบใหม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจประเภทภาคบริการ การท่องเที่ยวมากสุด แต่ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมที่อิงการส่งออกเป็นหลักยังคงเติบโตและมีแนวโน้มว่าการส่งออกเม.ย.64 จะโตต่อเนื่องเพราะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวทั้งจากเศรษฐกิจสหรัฐและจีน แต่ภาคอุตสาหกรรมที่เน้นจำหน่ายในประเทศยังได้รับผลกระทบ ดังนั้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้กิจกรรมต่างๆกลับมาดำเนินปกติได้เร็วเท่าใดก็จะลดผลกระทบความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเห็นด้วยกับรัฐที่ได้ล็อคดาวน์บางพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูง และบางธุรกิจ ส่วนมาตรการมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบของรัฐที่ผ่านมาดีอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องการให้เป็นลักษณะการนำน้ำไปรดใส่ทราย ต้องการให้ทรายเป็นดินรดแล้วต้นไม้ขึ้น
โดยการประชุม กกร.ก่อนหน้านี้เห็นปัญหาคล้ายๆกัน จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 ชุดได้แก่ ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน,ทีมการสื่อสาร,ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม และทีมเทคโนโลยีและระบบ และ ส.อ.ท.ได้หารือร่วมกันแล้วเมื่อวันที่ 23 เม.ย.64 เบื้องต้นและให้คณะทำงานแต่ละฝ่ายกลับไปทำเพิ่มเติมและเสนอนายกฯอีกครั้ง โดยสถานที่กระจายวัคซีน ส.อ.ท.ได้ติดต่อนิคมอุตสาหกรรมทั้งรัฐและเอกชนไว้แล้ว ไม่ต้องให้คนงานในนิคมฯเดินทางไปไหน หลายๆโรงงานจะมีพยาบาลอยู่แล้ว และยังมีเอกชนอื่นเสนอตัวเข้ามาที่พร้อมจะสนับสนุนแต่ต้องรอให้นายกฯเคาะกรอบก่อน