กรมพินิจฯ ยกระดับป้องกันโควิดขั้นสูงสุด สั่งงดกิจกรรมทั้งหมด ห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่เด็ดขาด ส่วนเจ้าหน้าที่ต้องเขียนไทม์ไลน์ส่งรายงานทุกวัน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในหลานพื้นที่ทั่วประเทศ จนศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ประกาศยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สีแดงเข้ม และพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) นั้น ล่าสุด พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่รระบาดเชื้อโควิดในขณะนี้ จึงเร่งสั่งการให้สถานพินิจทั่วประเทศ ยกระดับมาตรการขั้นสูงสุด 30 วัน เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วน คือ เจ้าหน้าที่ ได้ให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติตัวอย่างเข้มงวดในการดูแลและระมัดระวัง ตามแนวทางที่ ศบค. และ จว. กำหนด รวมถึงให้ดูแลครอบครัวและผู้ใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวดด้วยเช่นกัน ไม่อนุญาตให้ไปในพื้นที่เสี่ยงอย่างเด็ดขาด หากมีความจำเป็นต้องขออนุญาตก่อน และสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีหน้าที่ภายในพื้นที่ควบคุมเข้าไปในพื้นที่ควบคุมโดยเด็ดขาด รวมถึงงดการเรียนการสอนวิชาชีพ และกิจกรรมทุกอย่างที่ต้องใช้บุคลากรจากภายนอกเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ของเราติดเชื้อ หรือมีการสัมผัสบุคคลจากภายนอกให้มากที่สุด ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในเขตควบคุมได้สั่งการให้ทุกคนเขียนไทม์ไลน์ก่อนและหลังเข้างานของตัวเองแล้วส่งรายงานแก่ผู้อำนวยการสถานพินิจรับทราบทุกวัน นอกจากนี้ยังให้ผู้อำนวยการใช้อำนาจทางบริหารดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามมาตราการได้อย่างเต็มที่ และให้ทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคนในการใช้มาตราการนี้อย่างเข้มงวด เพื่อความร่วมมือร่วมแรงกัน โดยส่วนต่อมาคือ การบริหารทรัพยากร ได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านบุคลากรสำรองในพื้นที่เขตใกล้เคียงให้มาปฏิบัติงานแทนได้ทันที หากมีการระบาดภายในพื้นที่ควบคุมหรือมีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงขณะนี้ได้ประสานงานกับสาธารณสุขจังหวัดเพื่อเตรียมความพร้อมหากมีเหตุการณ์สามารถปรับเปลี่ยนสถานพินิจฯ เป็นโรงพยาบาลสนามในการดูแลเด็กและเยาวชนได้อีกด้วย โดยกรมฯจะสนับสนุนทรัพยากรการทำงานอย่างเต็มที่ ขณะนี้ให้ทุกสถานพินิจและศูนย์ฝึกฯ เป็นพื้นที่สวมแมส 100 % ในขณะปฏิบัติงานทั้งในส่วนสำนักงานและพื้นที่ควบคุม สำหรับส่วนสุดท้ายคือ เยาวชน โดยในช่วงนี้ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดอย่างต่อเนื่อง เราพยายามบริหารจัดการลดจำนวนเยาวชนในการเข้าสู่สถานพินิจให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากบุคคลภายนอก จึงได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใช้การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้แนวทางอื่น มาเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานและการให้บริการ เช่น การนัดหมาย การเลื่อนวันนัดรายงานตัว การประกันตัว การเยี่ยมญาติ การประชุม การไต่สวนเด็กและเยาวชน ให้ใช้ระบบ conference เพื่อลดกิจกรรมกับบุคคลภายนอก รวมถึงลดการเคลื่อนที่ของเด็กและเยาวชนของกรมพินิจให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันทุกรูปแบบ แต่ทั้งนี้การให้บริการและการปฏิบัติงาน ยังต้องสามามรถดำเนินการได้ครบถ้วน เป็นต้น “ขอให้เชื่อมั่นว่ากรมพินิจฯจะใช้มาตรการที่เราดำเนินการในขณะนี้ให้มีความเข้มงวดอยู่ในขั้นสูงสุดทุกขั้นตอน มีการพ่นยาฆ่าเชื้อในเขตควบคุมทุกจุด ตรวจวัดไข้เยาวชนและเจ้าหน้าที่ ผ่านการเก็บข้อมูลติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดทุกวัน วันละ 2 รอบเช้าเย็น พร้อมสั่งให้ทุกสถานพินิจและศูนย์ฝึกฯ เป็นพื้นที่สวมแมส 100 % ในขณะปฏิบัติงาน ยิ่งไปกว่านั้นเรายังต้องดูแลครอบคลุมไปถึงครอบครัวของเจ้าหน้าที่ด้วย” พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าว