เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 จากกรณีที่มีพลเมืองดีคือนาย สุวิกรม นาคาธร อายุ 33 ปี ได้พบเจอเด็กผู้ชาย อายุประมาณ 6 ปี นั่งอยู่ริมถนนกับพ่อ แล้วเอ่ยปากบอกหิวข้าว เมื่อสอบถามจากพ่อได้ความว่า โดนไล่ออกจากที่พัก จึงได้มอบเงินให้กับเด็กไปจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นได้นำภาพที่ได้มอบเงินไปโพสต์ลงสังคมโซเชียลเน็ตเวิล์คเฟสบุ๊ค จนมีคนแชร์และคอมเม้นท์เป็นจำนวนมาก ถึงพฤติกรรมของพ่อลูกคู่นี้ว่าได้รับเงินช่วยเหลือจากคนใจดีไปจำนวนมาก ต่อมาได้รับการประสานจากทางมูลนิธิช่วยเหลือเด็กว่า เด็กชายวัย 6 ขวบ ถูกพ่อแท้ๆ ลักพาตัวมาจากแม่ ซึ่งผู้เป็นแม่ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว จึงได้ออกติดตามหา กระทั่งพบตัวอยู่ในพื้นที่สภ.บางละมุง จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เชิญตัวมาสอบสวน
ต่อมานางอรอุมา ยอยอด อายุ 47 ปี มารดาของเด็กชายวัย 6 ปี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าลูกชายโดนพ่อแท้ๆ พาตัวมาจากจังหวัดศรีสะเกษ โดยหลอกว่าจะพามาเที่ยว ตนเองต้องยอมขายวัว เพื่อนำเงินมาตามลูกกลับ เมื่อพากลับไปพ่อก็จะพาหนีมาอีก ซึ่งตนเองเคยแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว โดยตนเองทั้งสองคนนั้นแยกกันอยู่ แต่ก็ยังคงความเป็นพ่อ เป็นแม่อยู่ ในขณะนั้นตัวเด็กชายวัย 6 ปีก็ยังคงถามถึงผู้เป็นพ่อว่าจะต้องติดคุกหรือไม่ ส่วนแม่ก็พยายามบอกกับลูกว่า เคยห้ามแล้วไม่ให้มากับพ่อ แล้วมาตระเวนหลอกคนอื่นว่าแม่ตาย แม่มีสามีใหม่ เพื่อหวังได้เงินจากคนที่สงสาร
เมื่อสอบถามกับนายสมพงษ์ พิญญะเดช อายุ 63 ปี พ่อของเด็กชายวัย 6 ขอบ ก็ได้เปิดเผยว่าตนเองไม่อยากอยู่กับภารยาคนนี้แล้ว เพราะภรรยาชอบขับไล่ ทั้งตนเองและลูก จึงพาลูกชายออกมาอยู่ที่อื่น ส่วนในเรื่องของการที่พาลูกชายออกมานั่งขอเงินกับชาวบ้านนั้นไม่เคย มีแต่นั่งอยู่แล้วมีคนมามอบให้เอง ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็มีคนมาให้ 100 บาท ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้รับจากใคร ซึ่งน้องก็ยังเรียนและกำลังจะไปเรียนช่วงเปิดเทมอนี้
ด้านนายเพชรดวงใจ เภาเจริญ อายุ 40 ปี สมาชิกคุ้มครองเด็ก เปิดเผยอีกว่าทางแม่ของเด็ก ได้ไปร้องเรียนด้วยความทุกข์ใจว่า ลูกชายหายไปโดยพ่อของเด็ก เอาตัวไปตระเวนของเงินในผับบาร์ ในพื้นที่พัทยา หลังรับเรื่องก็ได้ติดตามแต่พ่อได้พาเด็กหายไปประมาณ 1 ปี ทางองค์กรกำลังจะยื่นเรื่องไปยังมูลนิธิกระจกเงา แต่พ่อเด็กกลับโผล่มา ในสภาพที่ป่วยหนัก นำลูกมาทิ้งไว้แล้วให้เด็กกลับมาหาแม่ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาประมาณ 5 เดือนก่อนหน้านี้ ส่วนตัวพ่อเด็กก็ไปรักษาตัว พร้อมรับปากว่าจะประพฤติตัวเป็นคนดี ทางองค์กรก็คิดว่าครอบครัวคงจะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อรักษาตัวจนหายดีก็พาเด็กออกไปหาขอเงินเช่นเดิมอีก ทางองค์กรเกรงว่าต่อไปจะเป็นภัยต่อสังคม และเป็นห่วงในเรื่องของเด็กต้องได้รับการศึกษา หากผู้เป็นพ่อไปเสี่ยมสอนในทางที่ไม่ดี เด็กก็อาจจะเสียคนได้
เบื้องต้น ร.ต.อ.ราชวัตร นามฉิมพลี รองสว.สอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้ควบคุมตัวนายสมพงษ์ ไว้พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาพรากผู้เยาว์ ส่งดำเนินคดี ซึ่งนายสมพงษ์ ก็ยังให้การปฏิเสธ เนื่องจากเด็กชายวัย 6 ปี ก็เป็นลูกของตน และเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนได้แนะนำให้ไปสู้กันในชั้นศาล ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป