นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะระฐมนตรีวันนี้(27 เม.ย.)ยังไม่มีการพูดคุยถึงมาตรการเยียวยา แต่ต้องไปดูว่ากระทรวงการคลังจะเสนออะไรเข้าสู่ที่ประชุม ครม.หรือไม่ ส่วนการหารือกับภาคเอกชนในวันที่ 28 เม.ย.นี้ เป็นเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนให้ทั่วถึง และเป็นเรื่องของ ศบค.ที่เอกชนเสนอตัวมาร่วมทำงานกับรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องมาตรการเศรษฐกิจ โดยวันนี้เป็นช่วงเวลาที่เราทุกคนตระหนักและทราบดีว่าการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นทั้งโลก ประเทศไทยจึงต้องร่วมมือกัน ซึ่งน่าดีใจที่ภาคเอกชนมีประสบการณ์มากขึ้นและมีการเตรียมพร้อม รวมถึงเห็นความสำคัญของมาตรการที่รัฐบาลออกมา นอกจากนี้ ยังเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนเพื่อให้เข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น วันนี้มาทำเรื่องนี้กันเสียก่อน เพราะเมื่อปีที่แล้วไม่มีวัคซีนและที่ไหนในโลกก็ไม่มีวัคซีน แต่วันนี้วัคซีนทยอยเข้ามาแล้ว เราต้องช่วยกัน เรามีสิ่งที่ใหม่และเป็นโอกาสที่ทำให้ทั่วถึงและจัดลำดับให้ดี อาจจะทำให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนและเปิดประเทศได้เร็วขึ้น ส่วนกรณีที่มีสื่อบางแห่งนำคำให้สัมภาษณ์ที่ระบุว่า ให้นำเงินฝากไปใช้จ่าย จนเกิดความเข้าใจผิดว่า เมื่อวานนี้(26 เม.ย.) มีสื่อนำคำพูดของตนที่ระบุว่า ขอให้คนรักชาตินำเงินฝากที่เก็บไว้ไปใช้จ่าย และใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์ ซึ่งเป็นคำพูดเพียงสั้นๆ และคงเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะคิดว่าผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจเข้าใจในสิ่งที่ตนอยากสื่อสาร ตรงนี้อยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่าทุกประเทศในยามนี้ สิ่งที่จะรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจได้คือการบริโภคในประเทศ และเราพบว่าเงินฝากของภาคเอกชนที่อยู่ในระบบเงินฝากเพิ่มมากขึ้นหลายแสนล้านเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติโควิด-19 เหมือนกันรัฐบาลจึงตระหนักว่าถ้านำเงินส่วนนี้มาช่วยกันจะเกิดเงินหมุนเวียนในประเทศ ไม่ใช่การบังคับแต่จะมีมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนที่มีเงินฝากนำเงินที่เกินมาไปใช้ในการอุปโภคบริโภคและลงทุน ตรงนี้จะมีส่วนให้ประเทศไทยเรามีศักยภาพที่ดีขึ้น ถ้าเป็นไปได้ก็เห็นอกเห็นใจกันอยากให้สื่อทำความเข้าใจตรงนี้ เพราะการที่เขียนเครื่องหมายอัศเจรีย์หมายความว่ายังไม่เข้าใจ