ยโสธร เติมองค์ความรู้ผู้ตรวจสอบกิจการ สร้างความมั่นคงสหกรณ์ และความเชื่อมั่นแก่มวลสมาชิก

นายพนัส พันธุ์วรรณ สหกรณ์จังหวัดยโสธร เป็นประธานเปิดโครงการอบรมหลักสูตร “ผู้ตรวจสอบกิจการขั้นพื้นฐาน” (หลักสูตร 1) พร้อมบรรยายพิเศษ และเป็นประธานมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรม โดยมีสมาชิกผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ บุคลากรสำนักงานสหกรณ์จังหวัดยโสธร เข้าร่วมอบรม จำนวน 100 คน ณ ห้องประชุมเพชรชมพู โรงแรม เจพี เอ็มเมอรัลด์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร นายพนัส พันธุ์วรรณ สหกรณ์จังหวัดยโสธร กล่าวว่า ด้วยพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2553 มาตรา 53 กำหนดให้สหกรณ์มีผู้ตรวจสอบกิจการซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งจากสมาชิก หรือบุคคลภายนอก เพื่อดำเนินการตรวจสอบกิจการของสหกรณ์ แล้วทำรายงานเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ การตรวจสอบกิจการเป็นการตรวจสอบการดำเนินงานทั้งปวงของสหกรณ์ ผู้ตรวจสอบกิจการเป็นผู้ทำหน้าที่แทนสมาชิก มีภารกิจตรวจสอบการบริหารงานและการปฏิบัติงานต่างๆ พร้อมทั้งให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อสหกรณ์ การปฏิบัติงานตรวจสอบกิจการที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สหกรณ์มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ผู้ตรวจสอบกิจการจำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานการตรวจสอบกิจการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์แก่สหกรณ์และมวลสมาชิก สหกรณ์จังหวัดยโสธร กล่าวว่า ดังนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบกิจการสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดยโสธร โดยกลุ่มจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ ได้กำหนดจัดฝึกอบรมโครงการอบรมหลักสูตร “ผู้ตรวจสอบกิจการขั้นพื้นฐาน”(หลักสูตร 1) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 แผนงาน ยุทธศาสตร์พัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน และเสริมสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรอย่างเป็นระบบ ผลผลิต/โครงการ พัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ กิจกรรมหลัก พัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์และยกระดับชั้นสหกรณ์ โดยมีวิทยาการจากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ยโสธรมาให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมอบรม นายพนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาชิกสหกรณ์ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ที่เข้าร่วมฝึกอบรมโครงการนี้ จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ รู้บทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในตำแหน่งผู้ตรวจสอบกิจการ เข้าใจกระบวนการขั้นตอนในการตรวจสอบกิจการของสหกรณ์ พร้อมทั้งนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการตรวจสอบกิจการของสหกรณ์ สร้างความเข้มแข็งสหกรณ์ สหกรณ์จะต้องมีความมั่นคงทางฐานะในการดำเนินธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับมวลสมาชิก อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป