เปิดเพจ “เราต้องรอด” ในเฟซบุ๊ก มาไดั2 วัน ก็มียอดผู้ติดตามแสนกว่าคนแล้วสำหรับคู่ซี้ “จ๊ะ นงผณี มหาดไทย” กับ “ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ” ซึ่งทั้งคู่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประสานจัดหาเตียงและโรงพยาบาลช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ให้ได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที โดย จ๊ะ ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นการลงมือช่วยผู้ป่วยหาเตียงในวิกฤตครั้งนี้ว่า.... “จะบอกว่าจริงๆจ๊ะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นในการทำ คือเราโพสต์ในเพจของเราว่ามีสถานที่31 ที่นะที่ต้องปิด มีอะไรบ้าง แล้วก็มีคอมเมนต์คนเข้ามาขอความช่วยเหลือ 3-4 เคส เราก็เข้าไปดู ทุกเคสก็ได้รับการช่วยเหลือจากที่อื่นๆแล้ว แต่จะมีอยู่ที่นึงที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ เราก็อินบ๊อกซ์ไปหาเขา ประสานงานทุกอย่างให้ พอได้ข้อมูลเราก็โทรไปที่ 1668 แต่โทรไม่ติด แล้วก็ไม่มีตนรับ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยโทรหาพี่ได๋ว่าพี่หนูมีอะไรให้พี่ช่วย ก็เล่าให้เขาฟัง พี่ได๋ก็ประสานงานให้ แล้วพี่ได๋ก็ตอบกลับมาว่าจ๊ะได้โรงพยาบาลแล้วแต่เราต้องช่วยเขาออกเงินในการที่จะเข้าโรงพยาบาลเอกชน แต่ซักพักพี่ได๋ก็โทรมาบอกว่าประสานงานได้แล้ว เพราะเขามีอาการหายใจไม่ออกแล้ว คือจริงๆแล้วการที่เราจะประสานงานเราจะต้องประสานงานให้ถูกจุด เราถึงจะได้รับการช่วยเหลือ ก็เริ่มมีเคสเข้ามาเรื่อยๆ พี่ได๋เลยบอกว่าเราทำเพจเลยดีกว่า เพจเราต้องรอด” ฟีดแบคถล่มทลาย ผู้ป่วยเข้ามาความช่วยเหลือต่อเนื่อง 2 วันไม่ได้หลับได้นอน “เคสเยอะมากๆ คนส่งเคสเข้ามาเรื่อยๆเลย ทั้งตัวผู้ป่วยเอง คนที่หวังดี คนที่อยากจะเข้ามาช่วยก็เยอะ คนที่ทำหลักๆคือพี่ได๋ กับผู้จัดการเขา 2 คนนี้ทำงานกันทั้งวันทั้งคืนแล้วตอนนี้ หลังจากเปิดเพจมาได้2 วัน จนจ๊ะบอกว่าพี่ต้องนอนนะ ทุกคนรอดพี่ก็ต้องรอด แต่ถ้าพี่เล่นอยู่ทั้งวันทั้งคืนแบบนี้พี่จะไม่รอดก่อน พี่ได๋แกจริงจังมาก เขาไม่หลับไม่นอน เขาเครียด เป็นห่วงเคส" "ส่วนจ๊ะ จะรับช่วงต่อจากพี่ได๋ ตอนที่เขาหลับตอนนี้เรามีทีมงาน16คนช่วยดูแลพี่ได๋เป็นคนดึงเข้ามา จะมีคนที่เคยเป็นโควิด-19มาก่อนเขาจะรู้อาการดี คนที่ประสานงานข้อมูลคนโทรถามอาการ มันเป็นเรื่องหยุมหยิมละเอียดอ่อนมากมันไม่ได้เหมือนเราโทรคุยกับแฟนคลับ เลยจะต้องใช้คนที่พอจะมีความรู้ทางด้านนี้จ๊ะอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่างถ้าในทีมคัดมาแล้วว่าคนนี้อาการหนัก พี่ได๋จะเป็นคนพิมพ์เราจะเป็นคนโพสต์แชร์ ในกรณีที่ทางเรายังช่วยเหลือไม่ได้จะได้มีทีมอื่นช่วยประสานให้ได้ เราทำตามกระบวนการทั้งหมดไม่ได้มีแทรกแซงหรืออภิสิทธิ์อะไร” แต่ละเคสรับเรื่องมาผ่านเรียบร้อยด้วยดีเพราะประสานงานถูกจุดไม่ได้ใช้สิทธิ์บุคคลสาธารณะทำการช่วยเหลือแต่อย่างใด
 “จ๊ะก็ใช้สิทธิ์ประชาชนคนหนึ่งตัวเราเองตอนที่เราไปตรวจโควิด เราก็ไม่ได้ใช้ความเป็นจ๊ะเราโทรหาทุกโรงพยาบาลก็เต็มหมดเหมือนกัน เช่นเดียวกับพอมาทำตรงนี้เราก็ไม่ได้ใช้ความเป็นจ๊ะ เป็นได๋ในการติดต่อประสานงานกับหน่วยไหนทั้งสิ้นแต่พอมีข่าวออกไปว่าเราตั้งเพจ คนก็มาโฟกัสที่เพจเรา ผู้ป่วยก็ส่งเคสมาที่เราก็มีหน่วยงานติดต่อมา ผู้นำแต่ละเพจติดต่อมา เหมือนเราเป็นจุดรวมของผู้ป่วยอาจจะไม่ได้มากที่สุดแต่ก็พอมี เขาก็ไม่อยากให้มีผู้ป่วยตกหล่นเหมือนกันทางเราก็ทำข้อมูล ทำทุกอย่างไว้ให้พร้อมหมดแล้ว คนนี้โคม่าแล้วนะ” ชม “ได๋” ทำงานละเอียดติดตามรีเช็คเองทุกเคส ดีใจได้ช่วยเหลือคนในสังคม “พี่ได๋และทีมของเขามีแบบแผนในการทำงานที่จริงจังมากเขารีเช็คเคสทุกเคสที่ผ่านมือเขา มีการถามตามหลัง แกตามงานกันจริงจังมากๆแต่ช่วงตี3-4เขานอนกับแล้วจะเป็นช่วงที่จ๊ะทำงานรับช่วงต่อความรู้สึกของจ๊ะอย่างแรกเลยคือดีใจที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นแต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเยอะขนาดนี้เราเปิดเพจขึ้นมาคิดกันว่า คนจะเข้ามาประมาณหลัก 10 แต่ 2 วันที่ผ่านมาคนเข้ามาถล่มทลาย เราทั้งโทรหา ทั้งตอบ ทั้งพิมพ์แล้วตกผลึกกันว่า คนนี้คือเคสที่ต้องหาเตียงให้ด่วนๆ ถ้าหาไม่ได้ก็จะพิมพ์ส่งมาให้จ๊ะช่วยแชร์จากเฟซบุ๊ก จากไอจีจ๊ะอีกที พี่ได๋ทำทุกอย่างจ๊ะแค่ช่วยแชร์ ชั่วโมงนี้คนที่เป็นฮีโร่คือพี่ได๋นะ ไม่ใช่จ๊ะ” เคสหนักที่มาขอรับความช่วยเหลือคือหญิงตั้งครรภ์
 “เคสหนักตอนนี้ที่เราช่วยอยู่คือเคสคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ยังช่วยเขาไม่ค่อยได้ยังรอการประสานงานจากหน่วยงานอื่นๆอยู่” ที่ผ่านมาเป็นกำลังเล็กช่วยเหลือประชาชนในทุกวิกฤตอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ได้ทำงานใหญ่ขึ้นเพราะ “ได๋” มาเสริมทัพ “จริงๆตัวจ๊ะออกมาช่วยเหลือประชาชนทุกๆ ครั้งที่มีเรื่องอยู่แล้ว แต่เราก็เป็นกำลังเล็กๆพอไปเจอกับพี่ได๋ที่เขามีศักยภาพ เลยทำให้กำลังเล็กๆ มันขยายใหญ่ขึ้นมาได้ส่วนเพจนี้ก็คงจะแล้วแต่พี่ได๋ว่าแกจะเอายังไงต่อหากจบสถานการณ์นี้ไป”