โควิดไทยยังวิกฤติ! เสียชีวิตอีก8 ติดเชื้อเพิ่มอีก 2,048 ราย อาการหนัก 563ราย “ศบค.” เผยเตรียมรพ.สนามจ.สมุทรสาคร หลังพบคลัสเตอร์คลองเตย พร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มอีก 14 แห่ง ลุ้น 29เม.ย. ประ กาศล็อคดาวหรือไม่ “พ่อเมืองปทุมธานี” งัดมาตรการเข้ม 3 ทุ่ม ถึงตี 4 งดออกนอกบ้าน เตือนไม่สวมแมสก์ปรับ 2 หมื่น “ผบ.ตร.”สั่งแต่ละจังหวัดตั้งทีมกม.ให้คำปรึกษาแนะนำ “จนท.” เอาผิดคนไม่สวมหน้ากากอนามัยป้องกันไวรัสโควิด หลังเกิดดรามา จนท.สภ.บางปะหัน จับปรับ 2 หมื่น ด้าน“ทำเนียบฯ”ระทึก! พบ 3จนท.ติดโควิด-19 รวมโชเฟอร์”แรมโบ้” ขณะที่“เจ้าตัว”รับผิดชอบขอกักตัวเอง14 วัน ที่บ้านโคราช “นายกฯ”ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 3 แสนโดสต่อวัน ให้ได้ 50 ล้านคน ก่อนสิ้นปี พร้อมตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนทางเลือก “อนุทิน”เร่งกระจายยาฟาวิพิราเวียร์ 2 ล้านเม็ด ให้สถานพยาบาลทันที มั่นใจมียาพอรักษาผู้ป่วย
เมื่อวันที่ 26 เม.ย.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก“ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” มีข้อความระบุว่า “เช้าวันนี้ ผมได้หารือทีมที่ปรึกษา เรื่องยกระดับการกระจายวัคซีนเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนสูงสุด เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริงโดยมีเป้าหมายดังนี้ 1.ผลักดันให้มีการจัด หาวัคซีนให้ได้เพิ่มมากขึ้นในทุกวิถีทาง โดยมีเป้าหมาย 10-15 ล้านโดสต่อเดือน จากวัคซีนที่มีความหลากหลายในปัจจุบัน2.ปรับโครงสร้างให้มีการจัดกลุ่ม แบ่งงาน ผสมผสานการทำงานระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน ให้ชัดเจน โดยต้องให้มีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง ผลักดันแนวหน้าในการฉีดวัคซีนให้เป็นเชิงรุก เพื่อแบ่งเบาภาระจากโรงพยาบาล และสาธารณสุข3.จัดให้มีศูนย์ฉีดวัคซีนทางเลือก โดยใช้สถานที่ที่เหมาะสม เช่น ศูนย์ประชุมฯ ศูนย์กีฬา โรงแรม เพื่อลดภารกิจของโรงพยาบาลหลัก และสาธารณสุข ที่ต้องรองรับ ดูแลผู้ป่วยเป็นหลัก โดยศูนย์ฉีดวัคซีนฯ จะดึงการมีส่วนร่วม ในการฉีดวัคซีนทางเลือก ในกลุ่มที่มีศักยภาพเพิ่มเติม จากของภาครัฐ และ 4.เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการฉีดให้ได้ 300,000 โดสต่อวัน หรือมากกว่า และเป้าหมายฉีดให้ประชาชน 50ล้านคนภายในสิ้นปีนี้หรือเร็วกว่า นอกจากนี้ ผมยังได้สั่งการให้มีการปรับปรุง การคัดกรอง และระบบการเข้ารับการรักษาพยาบาล ให้มีช่องทาง และการขนส่งเคลื่อนย้าย ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ล้านเม็ด จัดส่งจากสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น มาถึงประเทศไทยแล้วเมื่อเวลา 01.00 น. และได้สั่งการให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เร่งกระจายจัดส่งให้สถานพยาบาลเครือข่ายต่าง ๆ ทั่วประเทศภายในวันนี้ ตามการจัดสรรของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) และภายในเดือนพ.ค.นี้ จะได้รับเพิ่มอีกจำนวน 1 ล้านเม็ด รวมเป็น 3 ล้านเม็ด ซึ่งเป็นไปตามแผนการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้ อภ. จัดหาเพิ่มอีก 2-3 ล้านเม็ดโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ล่าสุด พบเจ้าหน้าที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวก 3 ราย ประกอบด้วย พนักงานขับรถของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ผลตรวจเมื่อวันที่ 23 เม.ย. หัวหน้าแม่บ้าน ผลตรวจวันที่ 25 เม.ย.และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก กก.4 บก.ส.3 ผลตรวจเมื่อวันที่ 25 เม.ย.โดยทางผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งด่วนให้ผู้อำนวยการสำนักที่รับผิดชอบ สำรวจว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดที่สัมผัสใกล้ ชิดสูงกับผู้ติดเชื้อทั้ง 3 รายหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง และขอให้แยกชื่อผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับกลุ่มเสี่ยงเพื่อทำการกักตัว โดยขอให้ผู้ที่เสี่ยงสูงกับผู้ที่มีความเสี่ยง กักตัวไว้ก่อน 14 วัน
ด้าน นายเสกสกล เปิดเผยว่า หลังพบว่า คนขับรถติดเชื้อ ได้เข้าตรวจหาเชื้อ ที่โรงพยาบาลทันที โดยผลออกเป็นลบ แต่ตนได้ทำการกักตัว 14 วัน ที่บ้านพักใน จ.นครราชสีมา นอกจากนี้ได้สั่งให้ผู้ติดตามและผู้ใกล้ชิดของตนทั้งหมดได้ทำการตรวจแลพกักตัวทั้งหมดแล้ว โดยตนได้รายงานเรื่องนี้ให้นายกฯ รับทราบแล้ว
ส่วน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.ปทุมธานี ได้ขอความร่วมมือประชาชนงดออกนอกบ้านหลังเวลา 21.00 น. ถึงเวลา 04.00 น.ของวันถัดไป เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ รวมทั้งขอให้งดการรวมกลุ่มดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในทุกสถานที่ เว้นแต่การดื่มของสมาชิกภายในครอบครัวภายในที่พักอาศัย ให้สวมหน้า กากอนามัย หรือหน้ากากผ้าอย่างถูกวิธีทุกครั้งก่อนออกจากบ้านหรือสถานที่ทำงาน หรือ เดินทางไปในสถานที่สา ธารณะ หรือสถานที่ใดๆ สำหรับบุคคลซึ่งอยู่ในร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานที่ทำงาน หรือสถานที่ใดๆที่ต้องติด ต่อกับบุคคลอื่น หรืออยู่รวมกันของคนหมู่มาก ต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งตลอดเวลา ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคในข้อนี้ ให้ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ขอความร่วมมือให้มีการทำงานที่บ้าน (Work from Home) สลับวันทำงานให้เหมาะสม และให้งดการทานอาหารร่วมกันเป็นหมู่คณะ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าตำรวจภูธรภาค 1 จับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในรถจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบกับทาง สภ.บางปะหัน ยืนยันว่า การจับกุมดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักเกณท์การปฏิบัติและบังคับใช้กฏหมายตามที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดออกประกาศ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ทุกอย่างต้องดูที่เจตนาด้วย หากพบว่าไม่มีเจตนากระทำผิดหรือฝ่าฝืนประกาศ ตำรวจก็พยายามแนะนำตักเตือน ทุกอย่างดูที่เจตนาตำรวจไม่ได้มุ่งเอาเป็นเอาตาย หรือจับกุมดำเนินคดีอย่างเดียว ซึ่งทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอด ผบ.ตร. ได้กำชับการปฏิบัติ โดยเฉพาะห้ามไม่ให้มีการฉวยโอกาสหรือเรียกรับผลประโยชน์ แต่หากพบหรือมีหลักฐานก็มีบทมลงโทษทั้งวินัยและอาญาอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ผบ.ตร. ได้สั่งให้แต่ละจังหวัดตั้งทีมกฏหมายขึ้นมา เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและพนักงานสอบสวนอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและเป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบคำสั่งหรือประกาศฯ โดยย้ำว่า บางครั้งต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กันไปดูเจตนาก่อนว่าควรบังคับใช้กฏหมายหรือไม่ เช่น ขับรถส่วนตัวมาคนเดียวปิดกระจกทุกด้าน ซึ่งไม่น่าเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจใช้ดุลยพินิจในการแนะนำตักเตือน เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรถนั่งส่วนบุคคล ผู้โดยสองคนขึ้นไปต้องสวมหน้ากากอนามัย หากคนใดคนหนึ่งไม่ใส่ถูกปรับ
ด้าน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยล่าสุดว่า พบผู้ติด เชื้อรายใหม่อีก 2,048 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,038 รายทั้งหมดและเดินทางมาจากต่างประเทศอีก 10 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 57,508 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย รวมยอดเสียชีวิต148 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 480 ราย รวมยอดรักษาหาย 31,593 รายยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 25,767 รายโดยมีอาการหนัก 563 รายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 150 ราย
พ.ญ.อภิสมัย ยังกล่าวถึงการจัดเตรียมเตียง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่า เราไม่สามารถจัดหาเตียงให้ผู้ป่วยไปที่ไหนก่อนก็ได้เพราะอาจจะเสี่ยงในภายหลังได้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีใครนิ่งนอนใจ หากประชาชนโทรสายด่วนไม่ติด ยังต้องรอเตียงอยู่ แต่อยากให้เห็นภาพว่า การจัดหาเตียงมีความยากลำบาก รวมถึงต่อให้มีเตียงแต่บุคลากรไม่ มีความพร้อม เช่น ผู้ป่วยที่รอเตียง แต่เป็นกลุ่มที่มีอาการหนัก จำเป็นที่ต้องดูแลในไอซียู หรือ ต้องใช้เครื่องช่วยหาย ใจก็ต้องได้รับการจัดสรรไปอยู่ในเตียงที่มีความปลอดภัยที่สุด ในส่วนของการเพิ่มโรงพยาบาลสนามจากคลัสเตอร์คลองเตย ได้มีการเตรียมโรงพยาบาลสนามที่จ.สมุทรสาคร เข้ามาช่วย นอกจากนี้ที่ประชุมศบค.ยังหารือ ถึงการเปิดโรงพยาบาลสนาม โดยกองบัญชาการตำรวจตะเวนชายแดนเพิ่มอีก 14 แห่งด้วย
เมื่อถามว่า สถานการณ์ในประเทศมีโอกาสล็อกดาวน์ในบางพื้นที่หรือไม่ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ในวันที่ 2 9 เม.ย.จะมีการทบทวนมาตรการที่ประกาศไปจะครบ 14 วัน ว่า จะมีพื้นที่ไหนบ้าง และอาจมีบางพื้นที่ ต้องมีมาตรการเพิ่มความเข้มข้น ซึ่งต้องรอประกาศจากศบค. ดังนั้นช่วงนี้ขอให้สื่อมมวลชนเสนอข่าวด้วยความรอบคอบ
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ตำรวจเมืองมานาคอร์ เกาะมายอร์กา ประเทศสเปน จับกุมชายวัย 40 ปี โทษฐานที่เป็นผู้แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ภายหลังจากที่เขาซึ่งได้รับการตรวจร่างกายแล้วปรากฏว่า ติดเชื้อไวรัสโควิดฯ หลังจากนั้นก็จงใจไอใส่เพื่อนร่วมงานภายในบริษัทที่เขาทำงานอยู่ จนส่งผลให้เบื้องต้นมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดฯ จากเขา 5 ราย ก่อนผู้ติดเชื้อเหล่านี้ จะแพร่เชื้อไวรัสโควิดฯ ออกไปสู่สมาชิกในครอบครัว และบุคคลใกล้เคียง รวมแล้วทั้งหมด 22 รายด้วยกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ชายผู้ก่อเหตุรายนี้ ปฏิเสธคำแนะนำของหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน ที่บอกให้เขากักตัวอยู่ในบ้าน หลังจากอุณหภูมิร่างกายของเขาขึ้นสูงถึง 40 องศาเซลเซียส และต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิดฯ หลังตรวจคัดกรอง ก่อนที่เขาจะถอดหน้ากากอนามัย แล้วเดินไปตามโต๊ะต่างๆ ของเพื่อนร่วมงาน แล้วไอใส่ โดยเขาบอกว่า จะทำให้ทุกคนติดโควิดฯ
ส่วน ศาลสเปน ได้ตั้งข้อหาเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ และจะพิจารณาคดีในโอกาสต่อไป อย่างไรก็ตาม ศาลอนุญาตให้ประกันตัว และไม่เปิดเผยของชายผู้แพร่เชื้อไวรัสโควิดฯ รายนี้
ขณะเดียวกัน ทางด้านนานาประเทศแสดงเจตจำนงที่จะช่วยเหลือประเทศอินเดีย ในการต่อสู้กับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังลุกลามอย่างหนัก จนส่งผลให้ยาและเครื่องเวชภัณฑ์ต่างๆ เกิดความขาดแคลน
โดยทำเนียบขาว ทางการสหรัฐฯ ประกาศที่จะช่วยหลือด้านวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ ให้แก่อินเดีย ซึ่งทางการอินเดีย ได้มีการวิจัยพัฒนา “โควิชีลด์” วัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯโดยสถาบันเซรุ่มของอินเดีย เพื่อนำไปฉีดให้แก่ประชาชน พร้อมกันนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จะจัดหายา ชุดตรวจแบบรวดเร็ว เครื่องช่วยหายใจ และชุดป้องกันส่วนบุคคล หรือพีพีอี ให้แก่อินเดียด้วย
ด้าน ทางการเยอรมนี เปิดเผยว่า จะจัดส่งออกซิเจน และความช่วยเหลือทางการแพทย์อื่นๆ ตลอดจนการสนับสนุนด้านการขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินไปยังอินเดียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า เยอรมนีจะยืนเคียงข้างอินเดียในการต่อสู้กับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ
ขณะที่ ทางการอังกฤษ เปิดเผยว่า จะช่วยเหลือด้านออกซิเจนแก่อินเดีย ที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก สำหรับเป็นเครื่องช่วยรักษาชีวิตผู้ป่วยไวรัสโควิดฯ ระหว่างรักษาพยาบาล
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า จีน และออสเตรเลีย ตลอดจนปากีสถาน ประเทศคู่ปรปักษ์ของอินเดีย ก็แสดงเจตจำนงที่จะให้ความช่วยเหลือแก่อินเดียด้วยเช่นกัน
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในอินเดีย ยังลุกลามอย่างรุนแรงต่อเนื่อง โดยในรอบ 24 ชั่วโมงของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่จำนวน 354,531 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 17,313,163 ราย มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 195,123 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 14,304,382 ราย
ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ปรากฏว่า ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 219 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนสะสมอยู่ที่ 147,809,197 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 3,122,922 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 125,360,148 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา สถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรที่สุด จากการที่มีผู้ป