สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ร่วมกับโรงพยาบาลกาฬสินธุ์จัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 รองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ยังพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 5 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อ 55 ราย ด้านผวจ.กาฬสินธุ์ออกมาตรการเข้มให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย 100 % เมื่ออกจากเคหสถาน หรือสถานที่อื่นใด ฝ่าฝืน ปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 มีผล 26 เมษายน นี้
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 26 เมษายน 2564 นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร รองผวจ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.อ.เรืองพงษ์ วงศรีสุข รองผอ.รมน.กาฬสินธุ์ นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์ สสจ.กาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นพ.พรพัฒน์ ภูนากลม รองนายแพทย์ สสจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
จากนั้นเวลา 14.30 น.นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ร่วมมือกับโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จัดตั้งขึ้นอยู่ภายในบริเวณอาคารโรงอาหาร หลังศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังใหม่) เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ ที่ไม่มีอาการ และดูแลตัวเองได้สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 46 เตียง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ระลอกใหม่ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น และขยายวงกว้างไปทั่วในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งโรงพยาบาลกาฬสินธุ์สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้ 28 เตียง โรงพยาบาลฆ้องชัยจำนวน 28 เตียง ยังไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วย โดยมีนพ.ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ รองผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์กล่าวรายงาน
โดยโรงพยาบาลสนามแห่งนี้มีการแบ่งโซนระหว่างผู้ป่วยชายและผู้ป่วยหญิง มีอุปกรณ์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วย นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีการรักษาความปลอดภัยด้วยระบบ CCTV และเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยภายนอกอาคาร จะทำให้ทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์อยู่ดูแลกันอย่างมีความสุข
นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุดวันที่ 26 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย ผู้ป่วยเดิม 50 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 55 ราย หายป่วยแล้ว 2 ราย ในจำนวนผู้ป่วยที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ มีผู้ป่วย 1 ราย ที่มีอาการวิกฤต ซึ่งทีมแพทย์กำลังให้การรักษาพยาบาลอย่างเต็มความสามารถ ทั้งนี้ผู้ป่วยเดิมรายที่ 1–50 ศูนย์อำนวยการฯ ได้แถลงไปแล้ว สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ ประกอบด้วย
รายที่ 51 เพศชาย อายุ 27 ปี อาชีพรับราชการ อาศัยอยู่ ม.1 ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงของภรรยา ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยันกรุงเทพฯ และลูกชาย ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 5 ของ จ.กาฬสินธุ์ โดยผู้ป่วยรายนี้อยู่ในการเฝ้าระวัง ถูกแยกตัวสังเกตอาการและตรวจพบเชื้อในครั้งที่ 2
รายที่ 52 เพศหญิง อายุ 57 ปี เป็นพนักงานนวดในร้านเฮลท์แลนด์เอกมัย เขตวัฒนา กรุงเทพฯอาศัยอยู่ ม.5 ต.หนองช้าง อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ เป็นสัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงของเพื่อนร่วมงานที่ร้านเฮลท์แลนด์ รายนี้ตรวจหาเชื้อครั้งแรกไม่พบจึงกลับบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ และตรวจครั้งที่ 2 พบเชื้อ สอบสวนพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 8 ราย ทั้งหมดติดตามตัวได้ รับการกักตัวที่บ้านพัก และนัดตรวจหาเชื้อในวันที่ 26 เมษายน 2564
รายที่ 53 เพศหญิง อายุ 23 ปี อาชีพค้าขาย อาศัยอยู่ ม.18 ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงเพื่อนของผู้ป่วยยืนยันของ จ.มหาสารคาม สอบสวนพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 1 ราย สามารถติดตาม กักตัวเอง และตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 ผลไม่พบเชื้อ
รายที่ 54 เพศชาย อายุ 27 ปี อาชีพรับราชการ อาศัยอยู่ ม.6 ต.หัวงัว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงของเพื่อนร่วมงานผู้ป่วยยืนยันรายที่ 42 ของ จ.กาฬสินธุ์ สอบสวนพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 27 ราย ทั้งหมดสามารถติดตามตัว กักตัวเอง และเข้ารับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 25 เมษายน 2564 ผลไม่พบเชื้อ 15 ราย และรอผลอีก 12 ราย
รายที่ 55 เพศหญิง อายุ 60 ปี ว่างงาน อาศัยอยู่ ม.12 ต.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงของผู้ป่วยยืนยันรายที่ 39 ของ จ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน สอบสวนพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย ทั้งหมดสามารถติดตามตัว กักตัวเอง และเข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ผลไม่พบเชื้อ
นายทรงพล กล่าวอีกว่า ขณะนี้พบว่ายังมีประชาชนบางคนไม่สวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้าน ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เป็นการป้องกันการแพร่เชื้อได้เป็นอย่างดี จึงได้มีการพิจารณา โดยคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ ออกประกาศ เรื่องให้ทุกคนในท้องที่ จ.กาฬสินธุ์สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่อออกจากเคหสถาน หรือสถานที่อื่นใด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2564 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเข้มงวดปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และให้สื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อป้องกันตนเอง โดยยึดหลัก D-M-H-T-T ได้แก่ เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร เลี่ยงการอยู่ในที่แออัด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ การตรวจวัดอุณหภูมิ สแกนไทยชนะก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง