ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 เตรียมเปิดใช้รองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในวันจันทร์นี้ ขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 8 ราย รวมยอดสะสม 50 ราย มี 1 รายอาการหนัก
เมื่อวันที่ 25 เม.ย.64 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายเลิศบุศย์ กองทอง นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายแพทย์ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นายสม นาสะอ้าน รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันลงพื้นที่ตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ภายในบริเวณอาคารโรงอาหาร ศูนย์ราชการ ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังใหม่)
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน จ.กาฬสินธุ์ มีแผนในการสร้างโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 ใช้พื้นที่บริเวณ อาคารโรงอาหาร ภายในศูนย์ราชการ ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์(หลังใหม่) ซึ่งขณะนี้ได้ทำการตกแต่ง กั้นห้องเป็นสัดส่วน วางระบบอินเตอร์เน็ต WiFi กล้องวงจรปิด ระบบเครื่องเสียง ระบบไฟฟ้า ประปา และจัดทำรั้วสแลน แผงกั้น แบ่งแยกชัดเจน จากส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง
ด้านนายแพทย์ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กล่าวว่า โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ ได้มีการกั้นห้อง รวมทั้งห้องน้ำ ระหว่างชาย-หญิง มีจำนวน 46 เตียง มีทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะรับผู้ป่วย ที่อยู่ในระยะพักฟื้น และไม่มีอาการแล้ว มารับการฟื้นฟู กักกันให้ครบระยะการดูแลรักษา และกำหนดพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 ในวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการนำผู้ป่วยเข้ามา ดูแลรักษาแต่อย่างใด เนื่องจาก โรงพยาบาลกาฬสินธุ์และโรงพยาบาลฆ้องชัย ยังสามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ของ จ.กาฬสินธุ์ได้เพียงพอ
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน 2564 ใน จ.กาฬสินธุ์ ยังคงพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดศูนย์อำนวยการต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จ.กาฬสินธุ์ โดยสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ได้รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 วันที่ 25 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยรายใหม่ 8 ราย (สูงกว่าทุกครั้งที่รายงานมา) ผู้ป่วยเดิม 42 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 50 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ 26 ราย โรงพยาบาลฆ้องชัย 22 ราย หายป่วยแล้ว 2 ราย (หายป่วยเพิ่มอีก 1 ราย ในวันนี้)
โดยในจำนวนผู้ป่วยที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์มีผู้ป่วย 1 ราย ที่มีอาการวิกฤต คือ ผู้ป่วยรายที่ 28 เพศชาย อายุ 86 ปี มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และปอดอุดกั้นเรื้องรัง รับไว้รักษาในโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ตั้งแต่ วันที่ 19 เมษายน 2564 ต่อมามีภาวะปอดอักเสบและระบบหายใจล้มเหลว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ติดตามล่าสุดเช้านี้ อาการยังทรงตัว ซึ่งทีมแพทย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์กำลังให้การรักษาพยาบาลอย่างเต็มความสามารถ ศูนย์อำนวยการฯ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยและครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้
ทั้งนี้ผู้ป่วยเดิม รายที่ 1–42 ศูนย์อำนวยการฯ ได้แถลงไปแล้ว สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ ประกอบด้วย รายที่ 43 เพศชาย อายุ 54 ปี เป็นเกษตรกร,รายที่ 45 เพศชาย อายุ 9 ปี เป็นนักเรียน, และรายที่ 46 เพศชาย อายุ 8 ปี เป็นนักเรียน, โดยทั้ง 3 ราย ไม่มีอาการ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงของผู้ป่วยรายที่ 29,36 38,39,เนื่องจากเป็นครอบครัวเดียวกัน อาศัยอยู่ที่ ม.12 ต.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นกลุ่มที่มีการเฝ้าระวัง โดยพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 87 ราย ทั้งหมดได้กักกันตนเองที่บ้าน และได้รับการตรวจหาเชื้อแล้ว อยู่ระหว่างรอผล
รายที่ 44 เพศชายอายุ 25 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่หมู่ 10 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงของเพื่อนที่เป็นผู้ป่วยรายที่ 27 ชาว จ.สุโขทัย เนื่องจากรับประทานอาหารร่วมกัน พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 12 ราย ทั้งหมดกักตนเองที่บ้าน และได้รับการตรวจหาเชื้อ อยู่ระหว่างรอผล
รายที่ 47 เพศหญิง อายุ 6 ปี นักเรียน และรายที่ 48 เพศชาย อายุ 1 ปี ทั้งสองรายไม่มีอาการป่วย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง ของผู้ป่วยรายที่ 2 และ 9 เนื่องจากครอบครัวเดียวกัน อาศัยอยู่ ม.10 ต.คลองขาม อ.ยางตลาด ตรวจหาเชื้อ 2 ครั้งจึงพบเชื้อ
รายที่ 49 เพศหญิง อายุ 64 ปี อาชีพรับจ้าง อาศัยอยู่หมู่ 5 ต.โนแหลมทอง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยรายที่ 12,17,31,37 เนื่องจากอยู่ครอบครัวเดียวกัน ตรวจ 2 ครั้งจึงพบเชื้อ และอยู่ระหว่างผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเพิ่มเติม
รายที่ 50 เพศหญิง อายุ 52 ปี อาชีพรับจ้าง อาศัยอยู่หมู่ 10 ต.หลังเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับญาติที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด (กรุงเทพฯ)โดยรับประทานอาหารร่วมกัน มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 7 ราย เป็นครอบครัวเดียวกัน 2 ราย และญาติที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ 5 ราย ทั้งหมดกักกันตัวเองที่บ้าน นัดตรวจวันที่ 25 เมษายน 2564