ด้วยยังมีผู้ป่วยหนักกว่าครึ่งพัน ใส่เครื่องช่วยหายใจกว่าร้อยราย ขณะยังสามารถช่วยไม่ให้ยอดเสียชีวิตสูงมากขึ้นไปอีกได้ ด้วยการลดป่วยผู้ใหม่-รักษาผู้ป่วยตกค้าง แต่กว่าจะเห็นผลได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นสัปดาห์ ระบุขนาดศิริราชรพ.ใหญ่ ทีมหมอยังแย่หนัก ยิ่งรพ.เล็กในตจว.ที่งานหนักแต่คนน้อยจะยิ่งสาหัสเพียงใด แนะทุกฝ่ายต้องละวางหันมาจับมือแก้ปัญหา-หาทางรอดให้ปท.ไทย รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ “...ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย 11 รายวันนี้ โดยเป็นไปตามคาดว่าต้องเป็นเลขสองหลัก และอาจคงเป็นเช่นนี้ไปอีกพักหนึ่งเพราะยังมีผู้ป่วยหนักอีก 500+ คน ซึ่ง 130+ ใส่เครื่องช่วยหายใจ (กลุ่มนี้มีอัตราเสียชีวิตราว 25-50% ขึ้นกับต้นทุนสุขภาพของผู้ป่วยและศักยภาพของโรงพยาบาล) พวกเราอาจดีใจไปกับอัตราตายระลอกสองที่ 0.1+% และเฉลี่ยสองระลอกที่ 0.3% แต่ระลอกนี้ผ่าน 0.17% ไปแล้ว และน่าจะไปต่อจนเกิน 0.3% แต่เราอาจช่วยไม่ให้สูงมากได้ ด้วยการลดจำนวนผู้ป่วยใหม่และรักษาผู้ป่วยตกค้างให้ทันท่วงที แต่กว่าจะเห็นผลก็ไม่น้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ พร้อมพยายามใช้เตียงโควิดไอซียูที่มีอยู่ตอนนี้ให้มีประสิทธิภาพด้วยระบบการเกลี่ยศักยภาพและการช่วยเหลือกันระหว่างโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ (ในกทม. ต้องแบ่งโซน) การเพิ่มเตียงไอซียูโควิดเฉพาะหน้านี้ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะภาคการแพทย์ได้เบ่งศักยภาพมาเกือบเต็มที่แล้วและมีข้อจำกัดด้านกำลังคน ซึ่งจะสาธยายต่อไป วันนี้ผมไปตรวจเยี่ยมส่วนหนึ่งของทีมโควิดศิริราชในฐานะเป็นอาจารย์รับผิดชอบ ส่วนแรกดูแลผู้ป่วยอาการปานกลางจนถึงรุนแรงน้อย 18 เตียง ผลัดหนึ่งใช้แพทย์ 2-3 คน พยาบาล 8-10 คน สายสนับสนุน 2 คน (นอกเวลาราชการ/กลางคืนลดเท่าที่จำเป็น) และส่วนที่สองดูแลผู้ป่วยอาการรุนแรงมากจนถึงวิกฤต 7 เตียง ผลัดหนึ่งใช้แพทย์ 3-4 คน พยาบาล 10-12 คน สายสนับสนุน 2 คน ทั้งสองส่วนถ้าผู้ป่วยอาการหนักขึ้นจะต้องเรียกกำลังพลมาเสริมกว่านี้อีก พวกเขาต้องทำงาน nine to five หรืออย่างน้อยวันละ 8 ชม. ต่อเนื่องกันมากว่าสองสัปดาห์และคงจะต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกอย่างน้อย 4 สัปดาห์ สำหรับโรงพยาบาลระดับรองหรือโรงพยาบาลในภูมิภาค ด้วยปริมาณงานเท่ากันนี้เขาใช้คนน้อยกว่าที่ผมใช้อีก คิดดูมันจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน ได้เวลาที่ทุกฝ่ายจะวางข้อขัดข้องใจต่างๆ ไว้เบื้องหลัง เราจะจับมือกันเดินไปข้างหน้าเพื่อหาทางรอดของประเทศชาติ #ประเทศไทยต้องไปรอด”