ผู้ถือหุ้น TFG อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 63 เป็นเงินสดในอัตรา 0.055 บาท/หุ้น พร้อมแจก TFG-W3 ฟรี!ในสัดส่วน 10 : 1 ราคาใช้สิทธิ 5.50 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 29 เม.ย.นี้ หลังโชว์ผลงานนิวไฮ บิ๊กบอส “วินัย เตียวสมบูรณ์กิจ”ปักหมุดปี 64 รายได้โต 10-15% ทุบสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง รับอานิสงส์ธุรกิจสุกร-อาหารสัตว์ โตต่อเนื่อง จากดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศฟื้นตัว
นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2563 เป็นเงินสดในอัตรา 0.055 บาท/หุ้น และแจกวอร์แรนต์ (TFG-W3) ฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 10 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วย มีอายุ 3 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วย ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 5.50 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 29 เมษายน 2564
ทั้งนี้ในปี 2563 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 2,563.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,123.29 ล้านบาท หรือ 78.01% สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เทียบปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,440.00 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาขายสุกรดี และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ตามแผนการขยายการลงทุน และขยายตลาดใหม่ เพื่อรองรับดีมานด์ ผู้บริโภค โดยในปี 2563 มีรายได้รวม 31,857.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.45% จาก 29,105.51 ล้านบาท ในปี 2563 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น จากรายได้ธุรกิจสุกร และธุรกิจอาหารสัตว์
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% เทียบปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของสุกรจะขยายตัวจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นและราคาที่อยู่ในระดับที่ดี ประกอบกับธุรกิจสุกรที่ประเทศเวียดนามราคายังคงยืนในระดับสูงเช่นกัน รวมทั้งการขยายฟาร์มระดับพันธุ์ทั้งในประเทศ และประเทศเวียดนามเริ่มดำเนินไปแล้วบางส่วน อีกทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากการได้รับใบอนุญาตให้ส่งออกไปที่สหภาพยุโรป (EU) เพิ่มเติมสำหรับสินค้าปรุงสุก และจากกรณี Brexit ซึ่งประเทศอังกฤษแยกตัวจากกลุ่มสหภาพยุโรป อาจจะเป็นโอกาสในเชิงบวกที่โควตาการนำเข้าสัตว์ปีกของไทยจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFG กล่าวอีกว่า แนวโน้มธุรกิจสุกรในปี 2564 คาดว่าจะเติบโตอย่างมากจากความต้องการของตลาด และปริมาณการผลิตในไทย ที่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 20% สำหรับในเวียดนามบริษัทฯมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกเท่าตัว เทียบปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสร้างฟาร์มพ่อแม่พันธุ์เพิ่มเติม รวมถึงขยายโรงงานอาหารสัตว์ในประเทศไทย และเวียดนามคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนในปีนี้ราว 3,000-3,500 ล้านบาท โดย 80% เป็นการขยายการลงทุนในประเทศไทย และส่วนที่เหลือ 20% ลงทุนในเวียดนาม
“แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีผลกระทบต่อเนื่องในวงกว้าง แต่บริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการขยายงานได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา และคาดว่าแนวโน้มรายได้และกำไรในปีนี้จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง” นายวินัย กล่าวในที่สุด