เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 ศูนย์ปฏิบัติการโควิด-19 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) พบผู้ป่วยรายใหม่ 38 รายลดลงจากวันก่อน รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 311 ราย กลับบ้านได้แล้ว 12 ราย ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 299 ราย โดยมีผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีอาการ เข้ารักษาในโรงพยาบาลสนามสุราษฎร์ธานี จำนวน 137 รายแยกเป็นโรงพยาบาลสนามท่าโรงช้าง อ.พุนพิน 82 รายและโรงพยาบาลสนามราชภัฎสุราษฎร์ธานี 55 ราย ส่วนที่ บริเวณโดมอาคารเอนกประสงค์รินทอง วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ได้มีการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนเป็นวันที่ 3 โดยประกาศให้ผู้ที่เคยไปเที่ยว ในสถานบันเทิง 8 แห่งใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และผู้ที่อยู่ในครอบครัวบ้านเดียวกับผู้ป่วยโควิด-19 และบุคคลที่มีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วยให้ออกมาตรวจหาเชื้อเพื่อสกัดแพร่ระบาด เนื่องจากมีผู้ที่อยู่ในกลุ่มคลัสเตอร์สถานบันเทิงไม่กักตัวเองและไปร่วมงานบวชที่ อ.เวียงสระ ทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ในพื้นที่ 19 อำเภอของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นที่สีขาวที่ไม่มีผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ 3 อำเภอประกอบด้วย อ.พนม อ.บ้านตาขุน และอ.ชัยบุรี เกิดจากความเข้มแข็งของประชาชนในพื้นที่ร่วมมือช่วยกันดูแลและมีการสวมใส่หน้ากากอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ตามมาตรการของจังหวัดอย่างดียิ่ง ซึ่งขอชื่นชมในความเสียสละและตั้งใจอย่างยิ่งทั้ง อสม.ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอและส่วนราชการต่างๆขอช่วยให้รักษาพื้นที่ต่อไป “ สำหรับพื้นที่ผู้ป่วยน้อย 1-5 ราย 8 อำเภอมี อ.ท่าชนะ , ไชยา , ท่าฉาง , วิภาวดี , คีรีรัฐนิคม , บ้านนาเดิม , เคียนซา , พระแสง พื้นที่ผู้ป่วย 6-15 ราย มี อ.ดอนสัก , พุนพิน , บ้านนาสาร , เวียงสระ และพื้นที่มีผู้ป่วย 15 รายขึ้นไปมี อ.เมือง , กาญจนดิษฐ์และ อ.เกาะสมุย อย่างไรก็ตามทางจังหวัดจำเป็นต้องขอให้ผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังงดการเดินทางและ ไปในที่ชุมชนต่างๆเชื่อมั่นว่าความร่วมมือที่เข้มแข็งของประชาชนสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อย ถอยห่างจากที่แอดอัดจะลดการแพร่ระบาดได้ ” นายวิชวุทย์ กล่าว รายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกมาตรการให้ประชาชนทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 20,000 บาทและล่าสุดศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ได้พิพากษาสั่งปรับผู้ชายอายุ 37 ปี ในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เป็นรายแรกกที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยเป็นเงิน 4,000 บาทและให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่งเหลือ 2,000 บาท ส่งผลให้เกิดความตื่นตัวในการสวมหน้ากากอนามัยเป็นอย่างมาก