วันที่ 22 เม.ย.2564 ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุขสถาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าแพ จ.สตูล รับแจ้งเหตุมีคนถูกต้นไม้ล้มทับใส่เสียชีวิต ที่ริมคลองหมัง หมู่ 7 (บ้านสวนไทย) ต.แป-ระ อ.ท่าแพ จึงไปตรวจสอบพร้อม ด.ต.อภิชาติบุตร คำคง ผบ.หมู่ ป. (ประจำป้อมยามบ้านสวนเทศ) ชุดสืบสวน และมูลนิธิกู้ภัยร่มไทรจังหวัดสตูล ที่
เกิดเหตุอยู่ริมลำคลองหมัง เป็นสถานที่โล่ง พบต้นหลุมพอขนาดใหญ่ มีกิ่งก้านแผ่เป็นพุ่มมาก ลำต้นขนาดถัง 200 ลิตร สูงประมาณ 20 เมตร อายุต้นไม้ไม่น้อยกว่า 30 ปี อยู่ในสภาพล้มทับใส่รถแบคโฮ สีฟ้า จนสภาพแคปห้องควบคุม (หลังคารถพังยับเยิน) ตรวจสอบภายในรถแบคโฮ บนที่นั่งคนขับ พบศพชาย อายุ 45 ปี อยู่บ้านห้วยไทร ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล นอนเสียชีวิตในลักษณะหน้าฟุบอยู่ในที่นั่งคนขับ ศีรษะถูกท่อนไม้ทับเลือดไหลนอง
จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ทราบว่า ผู้ตายเป็นคนรับจ้างขับรถแบคโฮคันดังกล่าวนี้ที่เป็นของเอกชนรายหนึ่ง ที่ ต.แป-ระ อ.ท่าแพ ก่อนเกิดเหตุมีเจ้าของสวนที่เกิดเหตุ ได้ว่าจ้างรถแบคโฮคันนี้ให้เข้ามาขุดต้นไม้ที่อยู่บริเวณริมชายคลองหมัง ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ อยู่ริมชายคลอง ผู้ตาย ได้ขุดต้นตะเคียนล้มไปแล้ว 1 ต้น จากนั้นเดินรถออกไปประมาณ 100 เมตร เพื่อต้องการขุดต้นไม้หลุมพอที่อยู่คลองดังกล่าว แต่เมื่อเข้าไปขุดแทนต้นไม้หลุมพอดังกล่าวจะล้มไปข้างหน้า แต่กลับล้มกลับมาหารถแบคโฮ ทับใส่ห้องแค๊บห้องควบคุม ( หลังคารถแบคโฮ) เป็นเหตุให้ต้นไม้ทับเสียชีวิต
สำหรับผู้ตายนั้น เพื่อนๆที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ถือว่าเป็นเซียนในการผู้ขับรถแบคโฮ ในพื้นที่มีลูกศิษย์ที่เรียนการขับรถแบคโฮกับผู้ตายจำนวนมาก และหลายคนก็เชื่อว่าการเสียชีวิตในครั้งนี้ เพราะผู้ตายทำงานเพียงลำพัง ไม่มีผู้ช่วยคอยดูเหลี่ยมไม้ให้ จึงอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้น ประกอบกับความเชื่อของคนโบราณเชื่อว่า ต้นไม้ที่มีน้ำไหลผ่าน และเป็นต้นไม้ใหญ่มีเจ้าของ หากไม่ขอขมาลาโทษก็เป็นภัยกับผู้คิดจะทำลายได้
ด้านภรรยาวัย 31 ปี พร้อมลูกน้อยวัย 6 เดือน พากันมานั่งร้องไห้ในบริเวณที่เกิดเหตุปานใจจะขาดใจเมื่อเห็นร่างแฟนแน่นิ่ง บอกกับทีมข่าวว่า “เมื่อเช้าก่อนแฟนออกมาทำงานก็มีอาการแปลกๆ ขณะกินอาหารเช้าด้วยกัน เพราะปกติจะนั่งทานข้าวเช้าพร้อมกัน แต่มาครั้งนี้ ซื้อมาก็นั่งกินหันหลัง แค่ชวนตนหนึ่งครั้งก็หันหลังให้ กินเพียงลำพัง ลูกก็ร้องจะให้พ่ออุ้มงอแง แต่เขาก็เมินเฉย พูดออกมาหนึ่งคำว่าเที่ยงนี้ไม่รู้ว่าพ่อจะได้กลับมาหรือเปล่า”
ครอบครัวญาติพี่น้องแฟน ยอมรับว่า ผู้ตายเป็นคนขับรถแบคโฮเก่งมาก หรือว่ามือโปรในย่านนี้ก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดจากอาถรรพ์ต้นไม้ หรือเกิดจากอุบัติเหตุหรือไม่ เพราะต้นไม้โค่นล้มเป็นต้นไทร และหลุมพอ ไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่ที่มักจะเกิดอาภรรพ์กับคนโค่นบ่อยครั้ง
ด้านเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยร่มไทรสตูลได้ช่วยกันงัดร่างออกจากรถและต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ทับนานหลายชั่วโมงก่อนจะเคลื่อนย้ายศพส่งให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาต่อไป
จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ทราบว่า ผู้ตายเป็นคนรับจ้างขับรถแบคโฮคันดังกล่าวนี้ที่เป็นของเอกชนรายหนึ่ง ที่ ต.แป-ระ อ.ท่าแพ ก่อนเกิดเหตุมีเจ้าของสวนที่เกิดเหตุ ได้ว่าจ้างรถแบคโฮคันนี้ให้เข้ามาขุดต้นไม้ที่อยู่บริเวณริมชายคลองหมัง ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ อยู่ริมชายคลอง ผู้ตาย ได้ขุดต้นตะเคียนล้มไปแล้ว 1 ต้น จากนั้นเดินรถออกไปประมาณ 100 เมตร เพื่อต้องการขุดต้นไม้หลุมพอที่อยู่คลองดังกล่าว แต่เมื่อเข้าไปขุดแทนต้นไม้หลุมพอดังกล่าวจะล้มไปข้างหน้า แต่กลับล้มกลับมาหารถแบคโฮ ทับใส่ห้องแค๊บห้องควบคุม ( หลังคารถแบคโฮ) เป็นเหตุให้ต้นไม้ทับเสียชีวิต
สำหรับผู้ตายนั้น เพื่อนๆที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ถือว่าเป็นเซียนในการผู้ขับรถแบคโฮ ในพื้นที่มีลูกศิษย์ที่เรียนการขับรถแบคโฮกับผู้ตายจำนวนมาก และหลายคนก็เชื่อว่าการเสียชีวิตในครั้งนี้ เพราะผู้ตายทำงานเพียงลำพัง ไม่มีผู้ช่วยคอยดูเหลี่ยมไม้ให้ จึงอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้น ประกอบกับความเชื่อของคนโบราณเชื่อว่า ต้นไม้ที่มีน้ำไหลผ่าน และเป็นต้นไม้ใหญ่มีเจ้าของ หากไม่ขอขมาลาโทษก็เป็นภัยกับผู้คิดจะทำลายได้
ด้านภรรยาวัย 31 ปี พร้อมลูกน้อยวัย 6 เดือน พากันมานั่งร้องไห้ในบริเวณที่เกิดเหตุปานใจจะขาดใจเมื่อเห็นร่างแฟนแน่นิ่ง บอกกับทีมข่าวว่า “เมื่อเช้าก่อนแฟนออกมาทำงานก็มีอาการแปลกๆ ขณะกินอาหารเช้าด้วยกัน เพราะปกติจะนั่งทานข้าวเช้าพร้อมกัน แต่มาครั้งนี้ ซื้อมาก็นั่งกินหันหลัง แค่ชวนตนหนึ่งครั้งก็หันหลังให้ กินเพียงลำพัง ลูกก็ร้องจะให้พ่ออุ้มงอแง แต่เขาก็เมินเฉย พูดออกมาหนึ่งคำว่าเที่ยงนี้ไม่รู้ว่าพ่อจะได้กลับมาหรือเปล่า”
ครอบครัวญาติพี่น้องแฟน ยอมรับว่า ผู้ตายเป็นคนขับรถแบคโฮเก่งมาก หรือว่ามือโปรในย่านนี้ก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดจากอาถรรพ์ต้นไม้ หรือเกิดจากอุบัติเหตุหรือไม่ เพราะต้นไม้โค่นล้มเป็นต้นไทร และหลุมพอ ไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่ที่มักจะเกิดอาภรรพ์กับคนโค่นบ่อยครั้ง
ด้านเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยร่มไทรสตูลได้ช่วยกันงัดร่างออกจากรถและต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ทับนานหลายชั่วโมงก่อนจะเคลื่อนย้ายศพส่งให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาต่อไป