จังหวัดหนองคาย แถลงข่าว พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีกจำนวน 10 ราย รวมเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน 2564 จำนวน 24 ราย พบการติดเชื้อมีลักษณะเป็นลูกโซ่ แพร่กระจายในครอบครัว โดยเฉพาะผู้ป่วยฯรายที่ 17 ที่มีคนในครอบครัวติดเชื้อโควิด-19 ต่อมากถึง 5 คน ในขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เพิ่มมาตรการเข้ม ทั้งเรื่องห้ามทุกคนในหน่วยงานราชการออกนอกพื้นที่ เข้มการกักตัวและการสวมหน้ากากอนามัย ฝ่าฝืนปรับ 2 หมื่นบาท เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (22 เม.ย. 64) ที่ห้องประชุมสวัสดิ์ สัมพาหะ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , นพ.ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย , นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย และนางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้ร่วมกันแถลงข่าว สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน 2564 ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย สำหรับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่ตรวจพบเพิ่มอีก มีจำนวน 10 ราย จากเดิมที่มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันฯ ที่ตรวจพบในจังหวัดหนองคายก่อนหน้านี้ จำนวน 14 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน 2564 ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ทั้งหมดจำนวน 24 ราย ผู้รายแรก (รายที่ 15) ในจำนวน 10 รายที่ตรวจพบเพิ่มขึ้น เป็นชายไทย อายุ 30 ปี อาชีพ ฟรีแลนซ์ ภูมิลำเนา ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ป่วยยืนยันจังหวัดหนองคาย รายที่ 6 , รายที่ 2 (รายที่ 16) เป็นหญิงไทย อายุ 60 ปี อาชีพพี่เลี้ยงเด็ก ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ป่วยยืนยันรายที่ 8 , รายที่ 3 (รายที่ 17) เป็นชายไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย สัมผัสเสี่ยงกับญาติที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรปราการและจากกรุงเทพฯ , รายที่ 4 (รายที่ 18) เป็นชายไทย อายุ 64 ปี ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 17 , รายที่ 5 (รายที่ 19) เป็นหญิงไทย อายุ 64 ปี อาชีพ แม่บ้าน ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 17 , รายที่ 6 (รายที่ 20) เป็นชายไทย อายุ 27 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 17 , รายที่ 7 (รายที่ 21)เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 17 , รายที่ 8 (รายที่ 22) เป็นเด็กชาย อายุ 1 ปี 6 เดือน ที่อยู่ ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 6 , รายที่ 9 (รายที่ 22) เด็กชายอายุ 5 ปี ที่อยู่ ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 6 และรายที่ 10 (รายที่ 24) เป็นหญิงอายุ 29 ปี อาชีพแม่บ้าน ที่อยู่ ต.โพนทอง อ.โพธิ์ตาก เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยยืนยันจังหวัดขอนแก่น (สามี) นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า จากข้อมูลของผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย พบว่าการติดเชื้อมีลักษณะการแพร่กระจายเป็นลูกโซ่ แพร่กระจายต่อกับคนครอบครัว โดยเฉพาะผู้ป่วยฯรายที่ 17 ที่มีคนในครอบครัวติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 5 คน และผู้ป่วยฯ รายที่ 6 มีคนในครอบครัวติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 4 คน ซึ่งจะสังเกตเห็นว่า จากผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อฯ ตั้งแต่รายแรกจนถึงรายที่ 24 เกือบทุกราย มีผู้ติดเชื้อฯ เข้ามาในพื้นที่ 1 คนแล้วแพร่กระจายต่อภายในครอบครัว เมื่อรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ทางจังหวัดหนองคายเองก็ได้มีมาตรการต่าง ๆ เพิ่มขึ้น คือทุกคนที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดหนองคาย ไม่เฉพาะจาก 18 จังหวัดเหมือนที่ผ่านมาแล้ว เมื่อเข้ามาจะต้องมีการแยกกักตัวเองเพียงคนเดียวทันที ไม่ให้กักตัวรวมอยู่กับบุคคลในครอบครัว เพื่อจะเป็นการแก้ปัญหาที่มีบุคคลจากพื้นที่อื่นเข้ามาแพร่กระจายให้กับบุคคลในครอบครัว เป็นลูกโซ่เหมือนระเบิดนิวเคลียร์ ดังนั้นในช่วงนี้ขอให้ทุกคนงดเที่ยวในสถานบันเทิง หยุดการสังสรรค์ ทำงานแล้วก็กลับบ้าน จนกว่าสถานการณ์จะผ่อนคลาย ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของจังหวัดหนองคาย เอง ตนก็ได้มีการออกคำสั่ง ห้ามข้าราชการทุกระดับ ทุกส่วนราชการ ออกนอกเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด และอีกคำสั่งหนึ่ง คือ ให้ทุกส่วนราชการ รวมไปถึงประชาชน โดยเฉพาะส่วนราชการในการปฏิบัติราชการให้สวมหน้ากากอนามัยทุกคน เนื่องจากไม่สามารถติดตามทุกคนได้ว่าไปที่ไหนกันมาบ้าง เพื่อป้องกันทุกคนในส่วนราชการ จึงต้องให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยในขณะทำงาน ส่วนประชาชนทั่วไป ก็เช่นเดียวกัน ก็ให้มีการสวมหน้ากากอนามัยกันทุกคน หากพบว่าไม่สวมหน้ากากอนามัย ก็จะมีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมโรค ซึ่งตนไม่มีเจตนาจะทำให้ใครเดือดร้อน แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ เมื่อได้มีการร้องขอ ขอความร่วมมือแล้ว ยังมีประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ไม่สนใจปฏิบัติตาม จึงมีความจำเป็นต้องนำมาตรการทางกฎหมายมายบังคับใช้ ฉะนั้นช่วงนี้ทุกคนต้องมีความตื่นตัวในเรื่องนี้มาก ๆ เพราะมีการแพร่กระจายต่อกันเป็นลูกโซ่ต่อ ๆ กันไป.