เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่รัฐสภา นายสิระ เจรจาคะ  ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร รับคำร้องเรียนจากนายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1  โดย นายปรเมษฐ์ กล่าวว่า การยื่นร้องครั้งนี้แม้จะถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ก็ขอดำเนินการตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้  และเพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ต้องรักษาไว้ เนื่องจาก ถูกร้องเรียนกล่าวหาเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการพิจารณาคดี ซึ่งยืนยันว่าคำสั่งต่างๆได้พิจารณาตามบทกฎหมาย และเมื่อวันที่ 25 มี.ค.สำนักงานศาลยุติธรรมได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตนด้วย แต่ในการสอบสวนไม่ได้รับโอกาสในการเข้าชี้แจง หรือนำพยานหลักฐานมาชี้แจงในเรื่องที่เกิดขึ้น และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบในข้อเท็จจริงว่าถูกร้องเรียนในเรื่องอะไร โดยในวันที่ 5 เม.ย.ตนได้ทำหนังสือร้องไปยังประธานศาลฎีกา  คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม รวมถึงคณ ะกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่ไม่มีใครรับฟังคำร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าวแต่อย่างใด ก่อนจะถูกคำสั่งโยกย้ายเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ให้ไปช่วยราชการที่ศาลอุทรภาค 1 ซึ่งในรอบ 30 ปีเป็นครั้งแรกที่มีคำสั่งโยกย้าย ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม และขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่เกิดกรณีเช่นนี้ เพื่อไม่ให้ผู้พิพากษาเกิดความหวั่นไหวจากการปฎิบัติหน้าที่พิจารณาพิพากษา และให้ศาลเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้อย่างแท้จริง "ตลอดการปฎิบัติหน้าที่ราชการมากกว่า 30 ปีได้ตั้งใจทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตระหนักถึงการทำหน้าที่ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมจะต้องมีความเป็นอิสระในการพิจารณาพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนและคู่ความมาตลอด"นายปรเมษฐ์ กล่าว ด้านนายสิระ กล่าวว่า  กรรมาธิการจะพิจารณาว่าระเบียบและวิธีการพิจารณาของตุลาการ จะเป็นการละเมิดสิทธิ หรืออาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่  รวมทั้งจะพิจารณาแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติตุลาการด้วย โดยเฉพาะกรณีไม่เปิดให้ผู้ถูกร้องเรียนกล่าวหาได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในชั้นคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง  รวมถึงการออกคำสั่งโยกย้ายชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และมีความยุติธรรมหรือไม่