รู้หรือไม่ว่า “น้ำ” เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกายและเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถขาดได้ เพราะในร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 60 และยังพบว่าเป็นองค์ประกอบในชั้นผิวหนังทั้งหมดถึงร้อยละ 64 น้ำ นอกจากจะมีบทบาทในการช่วยเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกายได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสดชื่น รวมถึงช่วยในการดูแลผิวพรรณของเราอีกด้วย นอกเหนือจากการบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวแล้ว การดูแลสุขภาพผิวจากภายในสู่ภายนอก เช่น การรับประทานสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อผิวของเรา โดยเฉพาะการดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เพียงพอถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้าง “ผิวสวยสุขภาพดี” ช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื้นขึ้น ป้องกันปัญหาผิวขาดน้ำ ช่วยให้ผิวพรรณสดใสไม่แห้งกร้าน รวมไปถึงปัญหาสุขภาพผิวจากมลภาวะต่าง ๆ ที่ต้องเจอในชีวิตประจำวันได้
จันทิมา เกยานนท์ นักวิชาการด้านอาหารและโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด แนะนำเคล็ดลับจากการดื่มน้ำว่า “เมื่อเราอายุมากขึ้นปริมาณน้ำในร่างกายจะมีสัดส่วนลดลง หากดื่มน้ำไม่เพียงพอจะส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพและปัญหาผิวได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยปริมาณน้ำที่เราควรดื่มคือ อย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร หรือ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อที่จะได้รับน้ำอย่างเพียงพอต่อการทำงานของร่างกายและยังช่วยในการส่งเสริมการดูแลผิวได้จากภายในอีกด้วย หากดื่มน้ำได้ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวชั้นใน ลดผิวแห้งและผิวหยาบกร้าน รวมถึงเพิ่มความกระชับของผิวได้6,8 นอกจากนั้น การดื่มน้ำยังช่วยขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อ ซึ่งจะช่วยป้องกันการสะสมของสารพิษในชั้นผิวหนังได้ การดื่มน้ำจึงนับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับช่วยในการฟื้นฟูร่างกายและผิวพรรณของเราเป็นอย่างดี”
เช็คด่วน สัญญาณบอกอาการผิวขาดน้ำ
ผิวขาดน้ำ เป็นอาการของผิวหนังที่มีน้ำอยู่ใต้ชั้นผิวหนังน้อย เกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือมีการสูญเสียน้ำในภาวะขาดน้ำ ทำให้ผิวมีลักษณะหมองคล้ำ ไม่สดใส หากปล่อยให้ผิวขาดความชุ่มชื้นเป็นเวลานานจะทำให้ผิวมีริ้วรอยที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงหน้าผาก ร่องแก้ม รอบดวงตา และบริเวณริมฝีปาก ยิ่งช่วงนี้เข้าสู่ฤดูร้อน อากาศยิ่งร้อน ร่างกายจะยิ่งสูญเสียเหงื่อมากกว่าปกติ เสี่ยงขาดน้ำและแร่ธาตุที่จำเป็น วันนี้เนสท์เล่มีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำให้คนรักผิว มีผิวสวยตลอดหน้าร้อน ไม่ขาดน้ำ ที่ทำตามได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอตามน้ำหนักในแบบของตัวเอง
โดยคำนวณง่าย ๆ จากน้ำหนักตัวตามสูตร (น้ำหนักตัวหน่วยเป็นกิโลกรัม x 2.2 x 30) / 2 = จำนวนมิลลิลิตรต่อวัน เช่น น้ำหนัก 45 กก. ปริมาณน้ำที่ต้องการต่อวันคือ (45 x 2.2 x 30) / 2 = 1,485 มิลลิลิตร เทียบเท่ากับน้ำดื่มขวดปกติ 500 มล. ประมาณ 3 ขวด หรือขวดขนาด 1.5 ลิตร ประมาณ 1 ขวด สำหรับใครที่ชอบออกกำลังกายหรือต้องทำงานในสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้มีการสูญเสียเหงื่อไปมาก ก็สามารถดื่มน้ำได้มากกว่าเดิม เพื่อชดเชยปริมาณน้ำที่สูญเสียไปและยังช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายกลับมาสดใสอีกครั้ง
2. ดื่มน้ำตลอดวันตามช่วงเวลา
การดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์คือต้องดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องกายของร่างกายในแต่ละวัน สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธีหรือดื่มช่วงเวลาใดดี ลองดื่มตามเวลาด้านล่างนี้ รับรองว่าครบ 8 แก้วแน่นอน
ดื่มน้ำ 1 แก้วหลังตื่นนอน: ช่วยเติมความสดชื่นก่อนเริ่มต้นวันใหม่และยังชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไประหว่างที่เราหลับ มีงานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำหลังตื่นนอนก่อนมื้ออาหารเช้าสามารถช่วยลดพลังงานที่จะได้รับจากอาหารเช้าลงได้ถึง 13% เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก 2,3
ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนมื้ออาหาร (เช้า กลางวัน เย็น): ช่วยลดพลังงานที่ได้รับจากมื้ออาหารและช่วยลดน้ำหนักลงได้ ควรดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง3
ดื่มน้ำ 1 แก้วหลังมื้ออาหาร (เช้า กลางวัน): ช่วยในการย่อยและการดูดซึมอาหารได้และช่วยป้องกันท้องผูกอีกด้วย2,3
ดื่มน้ำ 1 แก้วช่วงพักบ่าย
ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนนอน: ป้องกันร่างกายขาดน้ำขณะนอนหลับ แต่ไม่ควรดื่มเยอะเกินไปหรือดื่มน้ำใกล้เวลานอนมากเกินไป
อีกหนึ่งทริกเล็ก ๆ ที่ทำได้ง่ายและเหมาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันคือ การพกกระติกน้ำขนาด 600 ml ติดตัวไว้ โดยเติมน้ำประมาณ 3 ครั้งแล้วแบ่งดื่มตามเวลา หรือเปลี่ยนเป็นซื้อน้ำขวดใหญ่ขนาด 1.5 ลิตร แล้วนำมาแบ่งดื่มตลอดทั้งวัน
3. คืนสมดุลแร่ธาตุ
อากาศจะร้อนแค่ไหน หรือระหว่างออกกำลังกายที่จะยิ่งสูญเสียแร่ธาตุไปกับเหงื่อ การคืนความชุ่มชื่นให้ผิวด้วยการดื่มน้ำ พร้อมคืนสมดุลแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ ซิลิกา โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ที่มีส่วนช่วยในการดูแลผิวพรรณ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
กล่าวโดยสรุปคือ สุขภาพผิวที่ดีต้องเกิดจากการดูแลทั้งจากภายนอก คือการรักษาความสะอาดและการบำรุงผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา และการดูแลจากภายใน เช่นการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ โดยเฉพาะพืชผักผลไม้ เช่น กล้วย แอปเปิล ส้ม สตรอเบอรี่ มะเขือเทศ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีแร่ธาตุ ซิลิกา แมกนีเซียม และโพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ การดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำแร่จากธรรมชาติ ก็จะมีส่วนช่วยในการเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่น อิ่มน้ำ ดีต่อทั้งสุขภาพผิว และสุขภาพกายของเรานั่นเอง
จันทิมา เกยานนท์ นักวิชาการด้านอาหารและโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด แนะนำเคล็ดลับจากการดื่มน้ำว่า “เมื่อเราอายุมากขึ้นปริมาณน้ำในร่างกายจะมีสัดส่วนลดลง หากดื่มน้ำไม่เพียงพอจะส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพและปัญหาผิวได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยปริมาณน้ำที่เราควรดื่มคือ อย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร หรือ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อที่จะได้รับน้ำอย่างเพียงพอต่อการทำงานของร่างกายและยังช่วยในการส่งเสริมการดูแลผิวได้จากภายในอีกด้วย หากดื่มน้ำได้ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวชั้นใน ลดผิวแห้งและผิวหยาบกร้าน รวมถึงเพิ่มความกระชับของผิวได้6,8 นอกจากนั้น การดื่มน้ำยังช่วยขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อ ซึ่งจะช่วยป้องกันการสะสมของสารพิษในชั้นผิวหนังได้ การดื่มน้ำจึงนับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับช่วยในการฟื้นฟูร่างกายและผิวพรรณของเราเป็นอย่างดี”
เช็คด่วน สัญญาณบอกอาการผิวขาดน้ำ
ผิวขาดน้ำ เป็นอาการของผิวหนังที่มีน้ำอยู่ใต้ชั้นผิวหนังน้อย เกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือมีการสูญเสียน้ำในภาวะขาดน้ำ ทำให้ผิวมีลักษณะหมองคล้ำ ไม่สดใส หากปล่อยให้ผิวขาดความชุ่มชื้นเป็นเวลานานจะทำให้ผิวมีริ้วรอยที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงหน้าผาก ร่องแก้ม รอบดวงตา และบริเวณริมฝีปาก ยิ่งช่วงนี้เข้าสู่ฤดูร้อน อากาศยิ่งร้อน ร่างกายจะยิ่งสูญเสียเหงื่อมากกว่าปกติ เสี่ยงขาดน้ำและแร่ธาตุที่จำเป็น วันนี้เนสท์เล่มีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำให้คนรักผิว มีผิวสวยตลอดหน้าร้อน ไม่ขาดน้ำ ที่ทำตามได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอตามน้ำหนักในแบบของตัวเอง
โดยคำนวณง่าย ๆ จากน้ำหนักตัวตามสูตร (น้ำหนักตัวหน่วยเป็นกิโลกรัม x 2.2 x 30) / 2 = จำนวนมิลลิลิตรต่อวัน เช่น น้ำหนัก 45 กก. ปริมาณน้ำที่ต้องการต่อวันคือ (45 x 2.2 x 30) / 2 = 1,485 มิลลิลิตร เทียบเท่ากับน้ำดื่มขวดปกติ 500 มล. ประมาณ 3 ขวด หรือขวดขนาด 1.5 ลิตร ประมาณ 1 ขวด สำหรับใครที่ชอบออกกำลังกายหรือต้องทำงานในสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้มีการสูญเสียเหงื่อไปมาก ก็สามารถดื่มน้ำได้มากกว่าเดิม เพื่อชดเชยปริมาณน้ำที่สูญเสียไปและยังช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายกลับมาสดใสอีกครั้ง
2. ดื่มน้ำตลอดวันตามช่วงเวลา
การดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์คือต้องดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องกายของร่างกายในแต่ละวัน สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธีหรือดื่มช่วงเวลาใดดี ลองดื่มตามเวลาด้านล่างนี้ รับรองว่าครบ 8 แก้วแน่นอน
ดื่มน้ำ 1 แก้วหลังตื่นนอน: ช่วยเติมความสดชื่นก่อนเริ่มต้นวันใหม่และยังชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไประหว่างที่เราหลับ มีงานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำหลังตื่นนอนก่อนมื้ออาหารเช้าสามารถช่วยลดพลังงานที่จะได้รับจากอาหารเช้าลงได้ถึง 13% เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก 2,3
ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนมื้ออาหาร (เช้า กลางวัน เย็น): ช่วยลดพลังงานที่ได้รับจากมื้ออาหารและช่วยลดน้ำหนักลงได้ ควรดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง3
ดื่มน้ำ 1 แก้วหลังมื้ออาหาร (เช้า กลางวัน): ช่วยในการย่อยและการดูดซึมอาหารได้และช่วยป้องกันท้องผูกอีกด้วย2,3
ดื่มน้ำ 1 แก้วช่วงพักบ่าย
ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนนอน: ป้องกันร่างกายขาดน้ำขณะนอนหลับ แต่ไม่ควรดื่มเยอะเกินไปหรือดื่มน้ำใกล้เวลานอนมากเกินไป
อีกหนึ่งทริกเล็ก ๆ ที่ทำได้ง่ายและเหมาะสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันคือ การพกกระติกน้ำขนาด 600 ml ติดตัวไว้ โดยเติมน้ำประมาณ 3 ครั้งแล้วแบ่งดื่มตามเวลา หรือเปลี่ยนเป็นซื้อน้ำขวดใหญ่ขนาด 1.5 ลิตร แล้วนำมาแบ่งดื่มตลอดทั้งวัน
3. คืนสมดุลแร่ธาตุ
อากาศจะร้อนแค่ไหน หรือระหว่างออกกำลังกายที่จะยิ่งสูญเสียแร่ธาตุไปกับเหงื่อ การคืนความชุ่มชื่นให้ผิวด้วยการดื่มน้ำ พร้อมคืนสมดุลแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ ซิลิกา โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ที่มีส่วนช่วยในการดูแลผิวพรรณ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
กล่าวโดยสรุปคือ สุขภาพผิวที่ดีต้องเกิดจากการดูแลทั้งจากภายนอก คือการรักษาความสะอาดและการบำรุงผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา และการดูแลจากภายใน เช่นการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ โดยเฉพาะพืชผักผลไม้ เช่น กล้วย แอปเปิล ส้ม สตรอเบอรี่ มะเขือเทศ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีแร่ธาตุ ซิลิกา แมกนีเซียม และโพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ การดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำแร่จากธรรมชาติ ก็จะมีส่วนช่วยในการเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่น อิ่มน้ำ ดีต่อทั้งสุขภาพผิว และสุขภาพกายของเรานั่นเอง