โควิดไทยยอดป่วยยังพุ่ง! เจออีก 1,443 ราย อาการหนักเกือบ 300 คน ตายเพิ่ม 4 ราย “ศบค.” เผย 71 จว. ติดเชื้อเชื่อมโยงสถานบันเทิง จับตา“คลัสเตอร์ตลาดกลางฯ”จ.อยุธยา หลังพบติดเชื้อแล้ว 20 ราย ส่วน“พ่อเมืองกรุงเก่า” สั่งปิดตลาดกุ้งอีก 7 วัน พร้อมเร่งตรวจเชิงรุกหาผู้ติดเชื้อเพิ่ม “นายกฯ”ขอเห็นใจบุคลากรการแพทย์ติดโควิด พร้อมให้ปชช.ลงทะเบียน 1 พ.ค.นี้ เร่งสต็อกยา“ฟาวิพิราเวียร์” 3.5 ล้านเม็ด ยันไม่นิ่งนอนใจดำเนินคดีแหล่งแพร่ระบาด ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 เม.ย.64นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระ บาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. แถลงว่า วันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 1,443 ราย เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 1,441 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 1,328 ราย มาจากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 113 รายและผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ2 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 45, 185 คน รักษาหาย 28,958 รายยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 16,119 ราย มีอาการหนัก 223 คนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 55 คน และเสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย เป็น หญิงไทย อายุ 78 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง อยู่ในกรุงเทพฯ ชายไทย อายุ 78 ปี อยู่กรุงเทพฯ อาชีพค้าขาย หญิงอินเดีย อายุ 86 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียงและชายไทย อายุ 30 ปี มีประวัติไปสถานบัน เทิงย่านทองหล่อ โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย มีการติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้า และติดเชื้อ จากการไปในสถานที่เสี่ยง รวมยอดเสียชีวิตสะสม 108 คน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมของ ศบค.ชุดเล็ก มีการหารือถึงการสอบสวนโรคในการระบาดรอบใหม่ช่วงเดือนเม.ย.มีข้อมูลยืนยันว่าผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ที่เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง กระจายถึง 71 จังหวัด มีเพียง 6 จังหวัด ที่ไม่มีผู้ป่วยที่เชื่อมโยงคือ ชัยนาท ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สตูล ระนอง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ พบติดเชื้อ 1,5 83 คน ส่วนในจังหวัดอื่น พบติดเชื้อ 3,104 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบ ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ เป็นนักเที่ยวสถานบัน เทิง รองลงมาคือพนักงานออฟฟิศ นักร้อง นักดนตรี นักแสดงและครอบครัวที่สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ศบค.กำลังจับตา คือการระบาดกลุ่มใหม่ ในตลาดกลางเพื่อเกษตรกร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านค้าอาหารประเภทกุ้งเผา ปลาเผา พื้นที่รวมกว่า 10 ไร่ หลังพบผู้ติดเชื้อแล้ว 20 คน ล่าสุดสอบสวนโรคและคัดกรองเชิงรุกคนในตลาดไปแล้วกว่า 800 คน อยู่ระหว่างรอผลตรวจ และยังเดินหน้าคัดกรองเชิงรุกต่อไป ส่วน นายภานุ แย้มศรี ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ผลการตรวจคัดกรองเชิงรุก ในพื้นที่ตลาดกลางเพื่อเกษตรกรหรือตลาดกุ้งในครั้งที่1เมื่อวันที่ 18 เม.ย. จำนวน 742 คน พบผู้ติดเชื้อ 6 คน จาก 4 ร้าน ในครั้งที่ 2 ตรวจหาเชื้อ 610 ราย พบผู้ติดเชื้อ5 ราย โดย 2 ราย เป็นลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงออกคำสั่งให้ปิดตลาดกลาง 7 วันตั้งแต่วัน ที่ 21 เม.ย.-27 เม.ย. และในวันที่ 23 เม.ย.จะดำเนินการการตรวจคัดกรองเชิงรุกในตลาดอีกครั้ง วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ขณะนี้พบว่าบุคลากรทางแพทย์ติดโควิด-19 จำนวนมากจะกระทบการรักษาผู้ป่วย จะมีแนวทางอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าเขาติดมาอย่างไร เขาไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาต้องเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์รวมถึงทหารตำรวจที่ไปดูแลด่านตรวจ จุดสกัดต่างๆดูแลผู้ชุมนุมหรือดูแลในแหล่งที่มีการแพร่ระบาด เขาติดเชื้อมาก็ต้องเห็นใจ ต้องเขาดูแลเขา ฉะนั้นตนไม่อยากให้ไปสร้างภาระให้กับบุคลากรในเรื่องที่จะไม่จำเป็นที่ต้องใช้คนจำนวนมากลงไปดูแลใกล้ชิดกันอีกมันก็จะเป็นการแพร่เชื้อขยายกันต่อไป เราต้องรักษาบุคลากรทางการแพทย์ให้มากที่สุดซึ่งรัฐบาลก็มีมาตรการในการดูแลบุคลากรทางการแพทย์อยู่แล้ว เมื่อถามว่า จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้กระทบเศรษฐกิจและมีคนตกงาน นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องคนตกงานรัฐบาลก็มีหลายมาตรการที่ออกไป ซึ่งต้องไม่ลืมว่ามาตรการที่ออกมาก่อนหน้านี้เป็นมาตรการที่ทำให้รักษาการจ้างงานไว้ให้ได้มากที่สุด และก็จะดูว่าจะทำอย่างไรกันอีก ทั้งเรื่องเอสเอ็มอีหรืออะไรต่างๆ ที่จะต้องมีการจัดหางบประมาณเพิ่มเติมจากงบประมาณที่มีอยู่เดิม ตรงนี้เป็นวิธีการทำงานของเรา เมื่อถามถึงการเข้าถึงวัคซีนของประชาชน นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ก็ได้มีการเร่งรัดไปแล้วจึงทราบว่าในส่วนของแอปพลิเคชันหมอพร้อม กระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มให้มีการลงทะเบียนในวันที่ 1 พ.ค. เนื่องจากจะต้องมีการเตรียมการมากพอสมควรเพื่อให้เข้าถึงประชาชนทั้งประเทศได้โดยเร็ว เดิมมีการนำข้อมูลมาจากผู้ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลต่างๆทั่วประเทศซึ่งก็ได้มาจำนวนหนึ่ง แต่ที่เหลือก็ต้องหาเพิ่มเติมว่าคนทั้งประเทศมีความต้องการจะฉีดวัคซีนด้วยความสมัครใจเท่าไหร่อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของยาฟาวิพิราเวียร์ หลายคนเข้าใจว่าเราขาดแคลน แต่รัฐบาลก็ได้มีการจัดเตรียมแผนสำรองในการจัดหาไว้แล้วโดยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งยาฟาวิพิราเวียร์ไม่ใช่ยาที่กินแล้วป้องกันโควิด-19 ส่วนวัคซีนก็เป็นวัคซีนที่สร้างภูมิต้านทานในตัวเรา ให้เข้มแข็งขึ้นและไม่ไปแพร่เชื้อให้คนอื่นอย่างไรก็ตามก็ต้องใช้มาตรการเดิมที่มีอยู่คือการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และล้างมือ ทั้งนี้เห็นหลายจังหวัดมีการควบคุมผู้ที่ใส่หน้ากากและไม่ใส่หน้ากากและมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ใส่หน้ากาก ตนก็ไม่อยากให้ประชาชนเดือดร้อนแต่บางครั้งก็จำเป็น เพราะไม่อย่างนั้นทุกคนก็ประมาทเลินเล่อ ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหายากขึ้นเรื่อยๆ ตนก็โทษใครไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องไม่โทษซึ่งกันและกัน แล้วก็ร่วมมือกัน “ขอขอบคุณกำลังใจที่ให้มากับผม ให้มากับรัฐมนตรี ให้กับครม. ซึ่งประชาชนส่วนมากก็ให้กำลังใจมากับเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ให้กำลังใจกับรัฐบาลซึ่งผมก็จะไม่หยุดนิ่งในการที่จะคิดบริหารจัดการในเรื่องต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องฟังความคิดเห็นจากกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์” นายกฯ กล่าวว่า สำหรับแผนจัดหายาฟาวิพิราเวียร์เดือนเม.ย.-พ.ค.จำนวน 2 ล้านเม็ด เดือนพ.ค.-มิ.ย.จำ นวน 1 ล้านเม็ด เดือนมิ.ย.- ก.ค.จำนวน 5 แสนเม็ด ฉะนั้นเราจะสั่งซื้อยาฟาวิพิราเวียร์สำรองในสต๊อกจำนวน 3.5 ล้านเม็ดให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งวันนี้ทราบว่ายังมีพอสำหรับในขั้นต้นที่จะใช้ในการรักษาสต๊อกต่างๆที่เตรียมไว้หากสถานการณ์เร็วร้ายมากขึ้นก็ต้องเพิ่มไปอีกฉะนั้นก็ต้องมีแผนเป็นขั้นตอน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสโซเชียล โจมตีรัฐบาลกรณี อยากให้เปิดให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ว่า ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาดำเนินการมาตลอด แต่ตนต้องการให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้นที่ถามว่ารัฐบาลไม่เปิดทางให้เอกชน เป็นเรื่องการผูกขาดนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะตนไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย คิดแต่จะทำอย่างไรจะปลอด ภัย ทำอย่างไรจัดหาได้ และในส่วนของการดำเนินการเราไม่สามารถไปซื้อเหมือนซื้อยาปกติทั่วไปได้ เพราะเป็นวัคซีนที่ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินในปัจจุบัน และบริษัทผู้ผลิตเอกชนนั้นไม่รับผิดชอบในกรณีที่เกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียง จึงจำเป็นรัฐต้องเป็นผู้จัดหาในขณะนี้ ซึ่งต่อไปคงคลี่คลายตรงนี้ไปได้ เมื่อถามถึงการดำเนินคดีเอาผิดเจ้าหน้าที่ เครือข่ายที่เป็นสาเหตุแหล่งแพร่ระบาดเชื้อโควิด ตั้งแต่ขบวนการลักลอบค้าแรงงาน และกรณีผับ บาร์ เลาจ์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการดำเนินคดีแหล่งแพร่ระบาด รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และตนได้กำกับดูแล กำชับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้มีการพิจารณาโทษ และลงโทษไปบ้างแล้ว และหลายอย่างเป็นเรื่องการตรวจสอบต่อไปให้หาถึงเจ้าของที่แท้จริงของสถานบริการต่างๆว่าใครเป็นเจ้าของ และจะดำเนินคดีต่อไป ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องเหล่านี้ ทั้งนี้ในทุกกรณีแหล่งแพร่ระบาดต่างๆตนได้มีการสอบสวนทุกกรณีไป