เปิดความเชื่อมโยง ต้นตอการระบาดของเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ยังแผ่กว้างออกไปไกล ทั้งยังรุกลามต่อเนื่องจนนำไปสู่การตรวจพบผู้ติดเชื้อขยับสูงขึ้นแบบรายวันถึงเกือบ 20 ราย ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมสูงถึง 181 รายแล้ว โดยเป็นเชื้อจากรอบสถานบันเทิงดังมากถึง 132 ราย ทั้งยังพบพัฒนาการเกี่ยวกับการฝังตัวของเชื้อที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์ได้นานขึ้น โดยที่ไม่ปรากฏอาการจนต้องตรวจซ้ำหลายครั้งก่อนพบในหลายราย
วันที่ 20 เม.ย.64 เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ล่าสุดในวันนี้ที่มีการรายงานถึงผลการตรวจพบเชื้อเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 17 ราย ขณะที่เมื่อวานมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวน 15 ราย และเมื่อวันที่ 18 เม.ย.64 พบผู้ติดเชื้อจำนวน 16 ราย จึงทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากถึง 181 ราย นับจากการระบาดครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปี 2563 จำนวน 21 รายเสียชีวิต 1 ราย ครั้งที่ 2 เมื่อต้นปี 2564 จำนวน 28 ราย และล่าสุดระบาดจากสถานบันเทิงชื่อดังใน กทม.อีกจำนวน 132 ราย
ขณะเดียวกันในการตรวจพบเชื้อจากผู้ป่วยในระยะหลังช่วงตลอด 3 วันที่ผ่านมานั้น เมื่อสังเกตจากไทม์ไลน์พบว่ามีผู้ป่วยหลายรายซึ่งเป็นผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อยืนยันก่อนหน้า กลับตรวจหาเชื้อไม่พบ จนต้องมีการตรวจซ้ำมากถึง 2 หรือ 3 ครั้ง จึงพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อในที่สุด ซึ่งถือเป็นพัฒนาการของเชื้อที่อาจกลายพันธุ์ หรือมีความทนทาน และหลบซ่อนตัวได้ดีในร่างกายมนุษย์ได้เพิ่มมากขึ้น โดยที่ยังไม่ปรากฏอาการให้เห็น เพื่อฝังตัวและยืดเวลาในการแพร่ระบาดได้ยาวนานมากยิ่งขึ้นกว่าเชื้อที่ตรวจพบในเจเนอเรชั่นแรกๆ
สำหรับต้นตอของการแพร่ระบาด จนสามารถกระจายเข้าไปสู่สังคมเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็วในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และกลายเป็นปัญหารุกลามอยู่ในขณะนี้ สามารถแบ่งกลุ่มของผู้ติดเชื้อได้ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ โดยเชื้อกลุ่มแรกนั้นมีต้นตอมาจากนักศึกษาสาววัย 21 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ที่เดินสายไปรับเชื้อมาจากย่านทองหล่อ กทม. จากนั้นยังเดินสายไปล่องแพ ที่ จ.กาญจนบุรี และไปท่องเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ ในพื้นที่อีกหลายคน
ซึ่งพักอาศัยอยู่ในหลายอำเภอของ จ.ฉะเชิงเทรา เช่น บางคล้า บ้านโพธิ์ และยังมีประวัติเข้ามาท่องราตรีในสถานบันเทิงชื่อดังในพื้นที่ ซึ่งมีลักษณะเป็นผับ และบาร์ ทั้ง 2 แห่ง ก่อนที่จะมีการตรวจพบผู้ที่มีประวัติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นผู้ติดเชื้อโควิด 19 และนำไปสู่การถ่ายทอดเชื้อลงไปสู่สังคมได้อีกหลายทอด รวมทั้งพนักงานเสิร์ฟอาหารด้วย เช่น แรงงานต่างด้าวบางรายที่ได้รับเชื้อ และนำไปแพร่สู่พี่สาวและหลาน ที่มีอาชีพเป็นคนงานขายไก่ทอดย่านตลาดบ้านใหม่ และพักในซอยมะยมคู่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
ก่อนที่จะมีประชาชนที่เดินทางไปยังพื้นที่แถบนั้น ได้รับเชื้อกลับมาสู่คนในครอบครัว โดยมีการตรวจพบเป็นระยะสำหรับกลุ่มที่รับเชื้อจากผับและบาร์ รวมทั้งร้านอาหารที่มีความเกี่ยวโยงกันทั้ง 3 แห่ง จนทำให้มีผู้ติดเชื้อจากการแพร่ระบาดของกลุ่มสถานบันเทิงในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา มากกว่า 20 ราย
ส่วนการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง และเป็นกลุ่มใหญ่อีกสายทางหนึ่งนั้น เป็นการแพร่ระบาดมาจากผู้บริหารสถานประกอบการชาวต่างชาติ ที่ได้เดินทางไปยังร้านอาหารย่านทองหล่อ กทม.พร้อมกับลูกค้าชาวต่างชาติ ที่นิยมพักอาศัยอยู่แถบย่านนั้น ได้นำพามาแพร่สู่พนักงานภายในบริษัท แถบย่านนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ ใน ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จนทำให้มีพนักงานในบริษัทกลายเป็นผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากถึง 16 รายแล้วเช่นเดียวกัน
เนื่องจากในระหว่างที่เชื้อกำลังเริ่มแพร่ระบาด เมื่อช่วงก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์นั้น ได้มีพิธีรดน้ำดำหัวกันภายในบริษัท ก่อนที่จะถึงวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จากนั้นพนักงานผู้ที่ได้รับเชื้อยังเป็นพาหะนำเชื้อไปแพร่ระบาดสู่คนรอบข้างและครอบครัว รวมถึงยังมีบางส่วนเดินทางกลับบ้านไปยังต่างจังหวัด ซึ่งเป็นการนำพาเชื้อไปแพร่กระจายสู่ภูมิลำเนาบ้านเกิดอีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ยังมีผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่เป็นกลุ่มที่ 3 ที่ส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้ที่ได้เข้าไปท่องเที่ยวรับเชื้อโดยตรงมาจากร้านอาหารชื่อดังย่านนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี และถือเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ของภาคตะวันออก ซึ่งผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มแรกๆ ของการแพร่ระบาดในครั้งนี้ ที่ได้ไปรับเชื้อกลับมาแพร่สู่คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงานตลอดจนจากนายจ้างสู่ลูกจ้าง
แต่เนื่องจากหลังการพบเชื้อ ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการระบาดที่มีความชัดเจนของแหล่งพบเชื้อมาตั้งแต่แรก จึงทำให้เชื้อโควิด 19 ในกลุ่มนี้ ฝังตัวอยู่ในสังคมพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ได้ไม่นานนัก เนื่องจากผู้ที่เคยเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวยังร้านอาหารแห่งนี้ ต่างมีความตื่นตัวและเร่งรีบเข้าไปรับการตรวจหาเชื้อตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร จึงทำให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเชื้อที่มาจากเส้นทางสายนี้ได้อย่างรวดเร็ว และทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อกลุ่มนี้เบาบางลดลงไปจากพื้นที่
นอกจาก 3 กลุ่มหลักแล้ว ยังมีผู้ติดเชื้อกลุ่มขนาดเล็กๆ อีกหลายกลุ่ม เช่น กรณีบุตรสาวไปทำงานใน กทม. และได้เข้าไปเที่ยวผับย่าน ถ.รามอินทรา ก่อนที่จะนำเชื้อมาแพร่ต่อสู่มารดา สามี และลูกน้อยวัยเพียง 1 ขวบเศษรวม 4 คน และยังมีผู้ติดเชื้อแบบรายย่อยแบบประปราย ที่ได้เดินทางไปรับเชื้อมาโดยตรงจากการแพร่ระบาดเองในกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ยังกลุ่มอาชีพพิเศษ ของนักเรียนศึกษา ที่ออกไปหารายได้ตามแหล่งสถานบันเทิง หรือย่านการท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ เช่น ถนนข้าวสาร และพัทยา จนนำมาสู่การเป็นพาหะนำเชื้อโรคกลับมาแพร่ต่อให้แก่คนในครอบครัวและผู้ปกครอง ทั้งยังมีกลุ่มของผู้ที่ได้รับเชื้อมาจากญาติและเพื่อน ที่ได้เดินทางข้ามจังหวัดมาหาสู่และนำพาเชื้อจาก จ.ชลบุรี ระยอง และ กรุงเทพฯ เข้ามาแพร่ต่ออีกทอดหนึ่งด้วย