ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดห่วงใยพี่น้องประชาชนขอความร่วมมือปฏิบัติตามประกาศ ฉบับที่ 26 ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งหรือประกาศเปลี่ยนแปลงเพื่อให้พีน้องประชาชนผ่านวิกฤตโควิด19ไปด้วยกัน
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (18 เม.ย.64) นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด ณ ห้องประชุมแก้วมุกดา ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร่วมประชุม เนื่องด้วยขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดในสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ และบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในระลอกเมษายนเป็นจำนวนมากโดยมีผู้ติดเชื้อสะสมจนถึงวันนี้จำนวน 43 ราย
นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ดมีมติให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ปิดสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค เป็นการชั่วคราวไม่น้อยกว่า 14 วัน นับแต่วันที่ 18 เมษายน 2564 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าสิบคนเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม การบริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มและการบริโภคในร้านได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. การจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สำหรับร้านอาหารหรือสถานที่จำหน่ายสุรา ห้ามการบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้น ๆ จนถึงเวลา 21.00 น. โดยให้ จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการและงดเว้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ยกเว้นส่วนที่เป็นตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกมและสวนสนุกต้องงดการให้บริการ และการจัดกิจกรรมทางสังคมให้ประชาชนงดการจัดกิจกรรมทางสังคมในลักษณะ ที่เป็นงานสังสรรค์ งานเลี้ยง หรืองานรื่นเริงในช่วงเวลานี้ เว้นแต่เป็นการจัดพิธีการตามประเพณีนิยม และ มีมาตรการป้องกันโรคที่เพียงพอเพื่อลดโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งหรือประกาศเปลี่ยนแปลงซึ่งจะได้มีการประเมินเป็นระยะ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป