จากสถานการณ์ในปัจจุบันที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบที่ 3 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในแต่ละวัน โดยเฉพาะล่าสุดที่มีการติดเชื้อโควิดจากสถานบันเทิงชื่อดัง ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดวันที่ 19 เม.ย. 64 นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า.. "ถ้าจะกลัวเรื่องสายพันธุ์...ต้องถามตัวเองว่าขณะนี้ยังมีวินัยรักษาระยะห่างหรือไม่....เท่านั้นก็พอครับ การที่กล่าวถึงสายพันธุ์ สายพันธุ์ใหม่จากอังกฤษ และอย่างที่องค์การอนามัยโลกก็ออกมาเตือน ไวรัสกลายพันธุ์คู่ชอง อินเดีย และเราก็ทราบแล้วว่าฟิลิปปินส์เป็นกลายพันธุ์คี่ คือ 3 และมีอีกหลายท่อนที่เปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมไปยังมโหฬาร ทั้งนี้ทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากการปล่อยให้มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางจนกระทั่งไวรัสมีการผันแปรของรหัสพันธุกรรม การศึกษาที่รองรับเรื่องการ ผันแปรของรหัสพันธุกรรม ว่ามีผลจริงๆ คือต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าการผันแปรดังกล่าวส่งผลทำให้เกิดมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงหรือที่เรียกว่า Functional mutations เช่นรายงานจากประเทศจีนในเดือนมีนาคมและเมษายน 2563 ผู้ป่วยติดเชื้อ 11 ราย มีการผันของรหัสพันธุกรรมในตำแหน่งต่างๆของยีนของไวรัส อู๋ฮั่น อย่างน้อย 33 แห่งและเมื่อนำไวรัสไปศึกษาในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่ามีการเพิ่มจำนวนได้มากกว่าเดิมเป็น 100 เท่า หรือทำการศึกษาในหนูแฮมสเตอร์ หรือ ในตัวมิ้งค์ ที่มีการติดเชื้อ โควิด-19 จากคน และมีการแปรรหัสพันธุกรรมจนเป็นลักษณะเฉพาะตัวของมิ้งค์ และทำให้เกิดโรคได้หลายอวัยวะ เป็นต้น และมิ้งค์รวมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ที่ติดเชื้อจากคนก็สามารถส่งเชื้อกลับมายังคนได้ แต่ในปัจจุบันอาการอย่างน้อยมากหรือไม่รุนแรงเลย ทั้งนี้การผันของรหัสพันธุกรรมของไวรัสในท่อนต่างๆ แม้จะอยู่ใน assemblage หรือ clade หรือที่ชอบเรียกว่า “สายพันธุ์” เดียวกัน ส่งผลให้มีการติดเชื้อซ้ำซ้อนครั้งที่สองได้แม้ว่าห่างกันจากการติดเชื้อครั้งแรกเพียงหกสัปดาห์โดยการติดเชื้อครั้งที่สองมีความรุนแรงกว่าครั้งแรก การสรุปว่าติดได้เก่งขึ้น หรือรุนแรงขึ้น จำเป็นที่ต้อง พิจารณาถึงปัจจัยร่วมอย่างอื่น ในจุดผันแปรย่อยๆของยีนของไวรัสทั้งหมดด้วย และต้องประกอบกับลักษณะของมนุษย์ที่ติดเชื้อแต่ละบุคคล ปัจจัยด้อยที่ทำให้เปราะบาง และมีการให้การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ทันท่วงทีหรือไม่ แต่ตัวที่”ร้ายกาจที่สุด”ที่ทำให้ควบคุมไม่อยู่คือพฤติกรรมไม่ระวังตนเอง มีการแพร่ การรับเชื้ออย่างง่ายดาย ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอาจจะที่สุด ที่ทำให้แพร่ระบาดวิบัติ การผันแปรรหัสพันธุกรรม จะนำไปสู่การติดเชื้อใหม่ได้ การฉีดวัคซีนไม่ได้ผล และอาจส่งผลไปทำให้การตรวจหาเชื้อกระบวนการพีซีอาร์ไม่เจอด้วย"