18 เมษายน 2564 21:57 น. สุพรรณ ภูมิภาค
วันนี้ (18 เม.ย.64) หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์ อากาศในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน รวมทั้งฟ้าผ่าไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ในส่วนของ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพาพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในวันนี้ ช่วงเวลา 14.20 น.ได้เกิดพายุฤดูร้อน ฝนตกหนัก ฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะที่บ้านประทัดบุ ต.นาดี อ.เมือง จ.สุรินทร์ พายุฤดูร้อนได้พัดถล่มเข้ามาในหมู่บ้าน อย่างรุนแรง แรงลมพัดเอาต้นไม้ ต้นน้อยต้นใหญ่ ล้มลงระเนระนาด ล้มทับบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ภายในวัดดอนวิเวก บ้านประทัดบุ ต้นไม้ถูกแรงลม พัดหักโค่น จำนวนมาก สายไฟฟ้าขาด น้ำท่วมรอบอุโบสถ์ ที่สำคัญแรงลมยังพัดเอาพระพุทธรูปปางหลวงพ่อโสธร ที่ประดิษฐานบนสถูป สูง 2 เมตร ตกลงมาแตกกระจายเสียหายสิ้นเชิง ขณะที่บ้านเรือนประชาชน แรงลมพัดเอาหลังคาเรือนหลุดออกไปทั้งหลังรวม 10 หลังคาเรือน ได้รับความเสียหายบางส่วน ร่วม 30 หลังคาเรือน ต้นไม้ยังโค่นลงมาทับบ้านเรือนประชาชน ได้รับความเสียหาย หักโค่นล้มทับสายไฟฟ้า ทำให้สายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าดับหลายจุดในหมู่บ้าน ด้านผู้ใหญ่บ้านเร่งสำรวจความเสียหาย และขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร มณฑลทหารบกที่ 25 จ.สุรินทร์ เข้ามาตัดต้นไม้ที่ล้มทับบ้านเรือนชาวบ้าน และกีดขวางทางสัญจรภายในหมู่บ้าน พร้อมทั้งประสาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเข้ามาแก้ไขปัญหาซ่อมสายไฟฟ้าขาด เพื่อให้ชาวบ้านได้มีไฟฟ้าใช้ในค่ำคืนนี้ ขณะที่ชาวบ้านที่บ้านเรือนเสียหายทั้งหลังสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมด้วยเครื่องห่ม ที่หลับนอน ถูกฝนเปียก ต้องอาศัยเพื่อนบ้านหลังนอน บางคนก็บอกว่า จะนอนที่บ้านแม้ไม่มีหลังคาก็ตาม นางราณี แสนหาญ อายุ 52 ปี ชาวบ้าที่บ้านถูกแรงลมพัดหลังคาบ้านหลุดไปค่อนหลัง ฝนเปียกที่นอน เสื้อผ้าน้ำขังในบ้าน สิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้า ถูกฝนเปียก บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ในช่วงเกิดเหตุฝนตกแรงมาก และฟ้าร้องลมกระโชกแรง ตนก็พาลูกหลานหลบ เข้าไปในห้องน้ำ เพราะตัวบ้านหลังคาหลุดออกไปแล้ว ตกใจมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร เอาตัวให้รอดก่อน สัก 20 นาที ลมหยุดฝนโปรยปราย ออกมาดูสิ่งของที่หลับที่นอนถูกทำเปียกหมด หลังคาบ้านก็หลุดไปครึ่งบ้าน คนนี้ก็จะอาศัยหลับนอน ในพื้นบ้านที่พอจะหลับนอนได้ ด้านนางวันเพ็ญ แสนหาญ ก็บอกว่าช่วงเกิดพายุ ตนเองตกใจมาก อยู่กับลูกๆ 4 คน พากันวิ่งหาที่หลบ ฝนและพายุลมกระโชกแรงมาก พัดเอาหลังคาหลุดไปทั้งหลัง สิ่งของเครื่องใช้ในบ้านถูกน้ำฝนเปียกได้รับความเสียหายทั้งหมด ตนเองก็กอดลูกไว้ เด็กก็ร้อง เพราะเขากลัวมาก ต้องพาวิ่งออกไปหลบที่บ้านญาติใกล้กัน ซึ่งก็ได้รับความเสียหายเหมือนกัน ลมมาแรงมาก น่ากลัวมาก ไม่เคยเจอเหตุการ์แบบนี้มาก่อน ด้านนายปัญญพจน์ ถูกจิต ผู้ใหญ่บ้านประทัดบุบอกว่า ช่วงที่เกิดพายุฤดูร้อนประมาณ บ่ายสองโมง ตนเองก็ทำงานอยู่ภายในหมู่บ้าน ช่วงนั้นลมมาแรงมากพัดเอาต้นไม้ล้มระเนระนาด บางต้นหักโค่นลงกีดขวางถนน บ้านต้นล้มทับบ้านเรือนชาวบ้าน ได้รับความเสีย ซึ่งพายุฤดูร้อนเคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 5 เม.ย.63 มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ความรุนแรงไม่หนักเท่าครั้งนี้ ครั้งต้นไม้ล้มกว่า 300 ต้น บ้านเรือนเสียหายแบบยกหลังคาเรือนหลุดออกไป 10 หลัง และเสียหายบางส่วน รวมๆ30 หลังคาเรือนลูกมะม่วงหล่นเสียหายจำนวนมาก ตนได้เร่งสำรวจความเสียหาย และชาวบ้านช่วยกันพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทหารช่วยกันตัดต้นไม้ที่ล้มทับบ้านเรือนออก และประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อเข้ามาแก้ไฟฟ้าดับหลาย สายไฟฟ้าขาด เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้า และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในหมู่บ้าน ส่วนการขอรับการช่วยเหลือประชาชนจะประสาน อบต.นาดี และอำเภอเมืองสุรินทร์ เข้ามาให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป