จังหวัดตรัง ขอให้ประชาชนในพื้นที่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง เมื่อออกนอกเคหะสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตน
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตรัง ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศ พบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทวีคูณและกระจายไปทั่วทุกจังหวัดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงสัมพันธ์กับสถานบันเทิง กิจกรรมรวมกลุ่ม งานเลี้ยงสังสรรค์และแพร่กระจายไปในผู้สัมผัสในครอบครัว กลุ่มเพื่อนและที่ทำงาน ประกอบกับ ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีผู้เดินทางเพิ่มสูงขึ้น เป็นเหตุให้การแพร่ระบาดมีมากขึ้น รวมทั้งพบผู้ติดเชื้อยืนยันในพื้นที่จังหวัดตรัง จึงจำเป็นต้องมีการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นายขจรศักดิ์ เปิดเผยต่อไปว่า จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22(7) มาตรา 34(6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 (ฉบับที่ 1)ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 ข้อ 7 (1) ประกอบประกาศนายกรัฐมนตรี เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร(คราวที่ 11) ลงวันที่ 30 มีนาคม 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตรัง ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2564
"จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดตรัง สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าให้ถูกวิธีทุกครั้ง เมื่อออกนอกเคหะสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตน ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิ์โต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง" นายขจรศักดิ์ กล่าว